นับจากหลูซื่อวิ่งออกจากเรือนจนอี๋อวี้ไล่ตามไปเป็นเวลาแค่ครึ่งถ้วยชา ขณะนี้ในลานเรือนของสกุลหลี่กลับมีชาวบ้านยืนอยู่มากมาย ส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยกลางคนที่จะกลับเรือนไปทำอาหารตอนกลางวัน ส่วนพวกบุรุษไม่ใคร่จะสนใจมุงดูเหตุการณ์อย่างนี้
ยามที่อี๋อวี้วิ่งมาถึง มองลอดฝูงชนเห็นภาพหลูซื่อเหวี่ยงฝ่ามือจะตบหน้าหวังซื่อ ทว่าฝ่ามือนี้ยังฟาดไม่โดน ก็ถูกหลี่เหล่าสือสามีของนางที่อยู่ด้านข้างยึดเอาไว้
หลูซื่อสะบัดมือให้หลุดจากมือของเขาอย่างฉุนเฉียว นางไม่มองหน้าฉายแววลำบากใจของเขา เพียงพูดกับหวังซื่อคนเดียว “หวังกุ้ยเซียง เจ้าหุบปากซะ!”
“ถือดีอะไรให้ข้าหุบปาก เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับ ไม่ยอมให้ข้าพูด แต่ข้าจะพูดเสียอย่าง! เวลานี้เหล่าพี่น้องในหมู่บ้านล้วนอยู่กันพร้อมหน้า ข้าจะพูดอีกครั้งให้ทุกคนได้ยินชัดถนัดหูว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร” หวังซื่ออาศัยว่ามีสามีปกป้อง ยิ่งใจกล้าเพิ่มขึ้นหลายส่วน เมื่อไม่ต้องกลัวว่าหลูซื่อจะลงมือลงไม้กับตน นางก็เปล่งเสียงโวยวายดังลั่น ส่งผลให้บรรดาชาวบ้านทั้งสี่ทิศที่ยังได้ยินเรื่องราวไม่กระจ่างล้วนเงี่ยหูฟังไปตามๆ กัน
“ดีๆๆๆ!” หลูซื่อกล่าวคำนี้ลอดไรฟันติดๆ กัน นางไม่ห้ามปรามอีกฝ่าย กลับถอยไปอยู่ด้านข้าง ชี้นิ้วไปที่เหล่าชาวบ้านรอบตัวพร้อมกล่าวกับหวังซื่อ “เจ้าพูดสิ พูดถ้อยคำเมื่อครู่นี้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้งอีกหน ให้ทุกคนดูว่าเจ้าใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นไร”
หวังซื่อไม่ขุ่นใจกับคำพูดของนาง สืบเท้าขึ้นหน้าก้าวหนึ่งแล้วกล่าวกับผู้คนรอบด้าน “ทุกคนช่วยตัดสินความเป็นธรรมให้ข้าด้วย ดูว่าเรื่องนี้เป็นผู้ใดที่ไม่สุจริตใจ! พี่น้องในหมู่บ้านไม่น้อยต่างล่วงรู้ว่าข้ามีอาหญิงแท้ๆ เป็นแม่สื่อจับคู่ดูตัวชื่อดังอยู่ที่ตำบลจาง คู่สามีภรรยาในรัศมีโดยรอบนี้ที่ผ่านมือนาง ไม่ถึงหนึ่งร้อยก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบ ส่วนเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีกลาย วันนั้นอาหญิงมาหาข้า บอกว่ามีญาติสนิทกำลังมองหาคนที่เหมาะสม ฝ่ายชายคือนายท่านจางของตำบลจาง บอกว่าอยากหาหญิงม่ายครองตัวลำพังที่ถือเกียรติและเชี่ยวชาญการดูแลเหย้าเรือน ยังไม่ต้องเอ่ยว่าการออกเรือนใหม่นั้นเหมาะควรหรือไม่ ที่ข้าอยากให้เรื่องนี้สำเร็จเป็นจริง เพราะเสี่ยวเหมยได้รับความเอื้ออารีจากหลูเอ้อร์เหนียงมาก ด้านนายท่านจางมีทั้งบ้านช่องเรือนชาน เรือกสวนไร่นา อีกทั้งทรัพย์สมบัติ ออกเรือนไปยังได้เป็นภรรยาเอก ข้าเลยคิดอาศัยโอกาสนี้ช่วยเหลือเกื้อหนุนนางได้มิใช่หรือ”
หวังซื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลูซื่อแค่นเสียงเยาะ ข่มใจไว้ไม่ไปตัดบทวาจาเลื่อนเปื้อนของนาง ชาวบ้านที่ล้อมรอบอยู่เริ่มเอียงคอกระซิบกระซาบกัน ไม่มีใครขัดจังหวะหวังซื่อสักคน
“พูดเช่นนี้ อาจมีคนบอกว่าข้าไม่สุจริตใจที่จับคู่ให้หญิงม่าย พวกท่านลองฟังข้ากล่าวต่อไปก่อน ถ้าหลูเอ้อร์เหนียงเป็นคนที่มั่นคงซื่อสัตย์จริงๆ ก็แล้วกันไป นางไม่ตอบตกลง ข้ายังจะว่าอย่างไรได้ แต่วันนั้นต่อหน้านางปฏิเสธ ซ้ำยังตะเพิดไล่ข้ากับอาหญิง ซึ่งเรื่องนี้มีคนมองเห็นใช่หรือไม่”
หวังซื่อหยุดเว้นจังหวะฉับพลัน มองไปรอบๆ จนมีหญิงวัยกลางคนที่จดจำเรื่องในวันนั้นได้พยักหน้าหลายคน นางคลี่ยิ้มอย่างพอใจแล้วกล่าวต่อ “แต่นางไม่เต็มใจจริงๆ ที่ไหนกัน คืนนั้นนางทำลับๆ ล่อๆ มาหาข้า ถามซอกแซกถึงครอบครัวของนายท่านจาง ข้าบอกกับนางทุกๆ เรื่อง นางยังกลับคำพูด เป็นฝ่ายขอร้องข้าช่วยตอบรับการแต่งงานนี้ให้ ถึงข้าโมโหที่นางไม่ไว้หน้าข้าเมื่อตอนกลางวัน แต่อย่างไรข้าหวังกุ้ยเซียงเป็นคนแยกแยะบุญคุณความแค้นได้เลยตกปากรับคำ”
“เจ้าพูดเหลวไหล!” หลูซื่อฟังนางเล่ามาถึงตรงนี้ก็อดรนทนไม่ไหวในที่สุด ไม่รอให้นางพูดต่อไป จะเข้าไปทำร้ายนางอีก กลับถูกหลี่เหล่าสือขัดขวางจนแตะไม่ถูกตัวหวังซื่อสักนิด