หลูซื่อนั้นหงุดหงิดแต่แรกที่พวกเขาถามโน่นถามนี่อี๋อวี้ นางจึงทำหน้าตึงยกมือกันเหยาฮ่วงออกไป กล่าวขึ้นพร้อมขมวดคิ้ว “นี่ท่านทำอะไร นางตกใจแล้วนะ”
หานลี่อยู่ด้านหลังมองดูศีรษะเล็กๆ สั่นระริกที่ซบบ่าหลูซื่อ มุมปากกระตุกทีหนึ่ง แววยิ้มๆ จุดวาบขึ้นในดวงตา เขายื่นมือจับข้อศอกเหยาฮ่วงดึงตัวกลับ และพูดปรามด้วยวาจานุ่มนวล
“ถ้าพี่เหยาร้อนใจอยากได้ตำราเล่มนั้น ไว้ค่อยๆ ลองถามนางดีๆ อายุปูนนี้แล้ว ยังจะข่มขู่เด็กอีกทำไม”
เหยาฮ่วงก็ลืมตัวไปชั่วขณะ เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว มองหลูซื่อด้วยสายตาขอลุแก่โทษแล้วทำหน้าดังเก่า จากนั้นเอี้ยวคอปรายตามองหานลี่พลางกล่าว “ใครบอกว่าข้าร้อนใจอยากได้ตำราเล่มนั้น ข้าเพียงสนใจใคร่รู้…ไม่ได้รึ เอาล่ะๆ ข้าไปต้มยาที่ห้องครัวแล้ว”
จากนั้นเหยาฮ่วงก็เอื้อมมือไปลูบหัวอี๋อวี้อย่างขอไปที ก่อนหมุนกายเดินออกนอกประตู “ไม่รู้ว่าเจ้าจื่อชีกลับมาหรือยัง ออกไปทั้งเช้าแล้ว ก็แค่ซื้อเกลือต้องนานขนาดนี้ด้วยหรือ มิใช่ไปเที่ยวเถลไถลที่ไหนอีกนะ เฮ้อ…เจ้าลูกคนนี้ ยิ่งโตยิ่งไม่เชื่อฟัง”
ได้ยินเสียงบ่นของเขาห่างไปไกล อี๋อวี้ค่อยผงกหัวขึ้นจากอ้อมอกมารดา อ้าปากหาวแล้วพูดอย่างอ่อนเพลีย “ท่านแม่ ข้าง่วงแล้วเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นก็นอนลงนะ” หลูซื่อนึกถึงคำพูดของบุตรสาวก่อนหานลี่กับเหยาฮ่วงสองคนจะเข้าห้องมา นางกล่าวเสริมขึ้นอีกคำ “มีเรื่องอะไรรอประเดี๋ยวดื่มยาแล้วค่อยว่ากันนะ”
“อื้อ” อี๋อวี้ถูกประคองลงนอน ศีรษะถึงหมอนก็หลับตาลง
“ท่านอยู่ในนี้เฝ้านางสักครู่ ข้าจะไปดูที่ห้องครัว” หลูซื่อกำชับหานลี่เสียงเบาแล้วยกชายกระโปรงสาวเท้าฉับๆ ตามไป เมื่อวานนางไปตักน้ำริมลำธารกับหานลี่ ได้ฟัง ‘วีรกรรม’ ของท่านหมอเหยาผู้นี้ไม่น้อย ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ท่านหมอแสนดีมีจิตใจเมตตากรุณาอันใด หากแต่เป็นบุคคลชื่อเหม็นฉาวโฉ่ลำดับต้นๆ ของยุทธภพ เดิมทีนางเห็นว่าไม่สำคัญ ครั้นนึกย้อนไปตอนนั้นเขาวางยาสลบครอบครัวนางเพื่อหนีเอาตัวรอด ประกอบกับท่าทางน่ากลัวเมื่อครู่นี้…ก็ขอให้นางหลูซื่อเป็นคนถ่อยสักหนเถอะ
“ฮ่าๆ” หานลี่เห็นชายเสื้อของหลูซื่อหายลับไปตรงข้างประตูถึงนั่งลงตรงหัวเตียง ก่อนจะพูดขึ้นขันๆ “ที่แท้แม่เด็กน้อยยังไม่ได้เลอะเลือนเพราะพิษไข้” เห็นอี๋อวี้หลับตาหายใจเป็นจังหวะยาวเหยียด ถ้าไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางหลับอยู่จริงๆ เขาเอื้อมมือไปดีดหน้าผากนางเบาๆ ทีหนึ่ง พร้อมกับอ้าปากพูดต่อ “ยังรู้จักเรียกคนไปส่งข่าว นี่กลัวว่าเสียเวลาไปเจ้าหนุ่มนั่นจะไม่แต่งเจ้าเป็นภรรยาหรือไร”
เปลือกตาของอี๋อวี้กระตุกริกก่อนเปิดขึ้นช้าๆ นางมองดวงหน้าเปื้อนยิ้มเหนือศีรษะด้วยสีหน้าขัดเคือง เห็นหานลี่ชูนิ้วมือที่ดูแลอย่างสะอาดสะอ้านขึ้นนิ้วหนึ่ง และขยิบตากับนาง
“พวกเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่เล่า”
ติดตามต่อในเล่ม