หลูซื่อไม่ปล่อยให้พวกนางคิดมาก โบกมือบอกให้ออกไป และเอ่ยกับแปดคนที่เหลืออยู่ในโถงด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
“อะไรที่สมควรบอกล้วนบอกให้พวกเจ้ารับรู้เมื่อเช้าไปแล้ว แต่ข้าจะพูดซ้ำอีกทีก็ได้ พวกเจ้าติดตามคุณหนูไปอยู่วังอ๋อง จะต้องทุ่มเทจิตใจปรนนิบัติรับใช้นางและรู้จักหน้าที่ของตน คนใดบังอาจเกียจคร้านหลบเลี่ยงเกี่ยงงานหรือมีเล่ห์เพทุบาย คงไม่แคล้วต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันบ้าง หากเลวร้ายเกินเยียวยาล่ะก็ นี่ข้าไม่ได้พูดขู่ไว้ก่อน เกิดถูกขายเข้าหอนางโลมไปก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ตักเตือนพวกเจ้าล่วงหน้า”
ภายในห้องโถงเงียบเชียบ อี๋อวี้เห็นทั้งแปดคนนั้นทยอยกันคุกเข่าลงต่อๆ กันแล้วหมอบตัวกับพื้น ปากก็ละล่ำละลักบอกว่า ‘ไม่กล้าๆ’ กระนั้นหลูซื่อไม่เรียกให้พวกนางลุกขึ้นทันที อี๋อวี้รู้ว่านี่เป็นขั้นตอนจำเป็นเลยไม่เปล่งเสียงพูด ผิงถงผิงฮุ่ยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังนางมีสีหน้าดังเดิมด้วยพานพบการแสดงบารมีที่น่าพรั่นพรึงกว่านี้มาก่อน ด้านเสี่ยวหม่านเคยเห็นหลูซื่อสั่งสอนบ่าวไพร่ก็ไม่แปลกใจอันใด มีเพียงเฉินชวีที่หน้าเผือดลง นิ้วมือทั้งสิบกำเข้าหากัน
หลูซื่อปล่อยให้พวกนางคุกเข่านานหนึ่งถ้วยชาเต็มถึงจูงมืออี๋อวี้พร้อมกับส่งสายตาบอกอีกฝ่าย
“เอาล่ะ ลุกขึ้นให้หมดเถอะ” อี๋อวี้รับบทเป็นคนดี ใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตร ทว่าคนบนพื้นกลับแหงนหน้ามองหลูซื่อ ไม่กล้าลุกขึ้น
หลูซื่อตบโต๊ะน้ำชาดังปัง พูดเสียงเข้ม “หูหนวกกันหมดแล้วหรือไร”
“ท่านแม่อย่ามีน้ำโหเจ้าค่ะ” อี๋อวี้บอกพวกนางซ้ำอีกหน “ลุกขึ้นสิ”
พวกนางพากันลนลานลุกขึ้น ดูท่าทางประจักษ์แจ้งแล้วว่าวันหลังต้องเชื่อฟังผู้ใด หลูซื่อไม่สร้างความลำบากใจให้พวกนางต่อ เรียกเสี่ยวหม่านให้พาทั้งแปดคนไปที่เรือนพำนักของโจวฮูหยิน แม้นเหลืออีกไม่กี่วัน แต่ได้รับการอบรมจากฮูหยินชราก็ต้องได้เรื่องได้ราวขึ้นไม่มากก็น้อย
“อวี้เอ๋อร์ ที่แม่พูดเมื่อครู่นี้ เจ้าต้องจำใส่ใจไว้เช่นกัน วันหลังพวกนางคนใดไม่เชื่อฟังก็ลงโทษให้หนัก หากยังไม่หลาบจำก็ขับไล่ไสส่งออกไป อย่าได้ใจอ่อน”
“ความหวังดีของท่านแม่ ลูกจะไม่รู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” อี๋อวี้พิงตัวหลูซื่อโอบเอวนางพลางกล่าว “ท่านวางใจได้ สองปีที่ข้าไปอยู่ที่อื่นประสบพบเจอผู้คนเรื่องราวมาไม่น้อย แจ่มแจ้งแก่ใจดีเจ้าค่ะ”
หลูซื่อตบมือบุตรสาวเบาๆ อย่างอิ่มเอมใจแล้วหันไปมองเฉินชวีที่ยืนเหม่อลอยอยู่ด้านข้าง นางตรึกตรองครู่เดียวก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนแรกข้าตั้งใจจะให้เจ้าติดตามไปรับใช้คุณหนูที่วังอ๋อง แต่บิดาเจ้าเป็นผู้ดูแลการงานในคฤหาสน์หลังนี้ ให้พวกเจ้าพ่อลูกแยกจากกันก็ไม่ดี เจ้ารั้งอยู่ที่นี่เถอะ วันหลังหาคู่ครองดีๆ ออกเรือน ดีกว่าเป็นหญิงทึนทึกในวังอ๋อง”
ดวงหน้าจิ้มลิ้มของเฉินชวีเปลี่ยนสีไปน้อยๆ นางกัดริมฝีปากด้านใน มองหลูซื่อก่อนค่อยมองอี๋อวี้ ยังเลื่อนสายตาไปที่ตัวผิงถงผิงฮุ่ยแล้วขบกรามแน่น ทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นดังตุบ สร้างความประหลาดใจให้หลูซื่ออย่างยิ่ง
“ฮูหยิน บ่าวยังอยากรับใช้คุณหนูต่อไปเจ้าค่ะ”
“นี่เจ้าทำอะไร มีอะไรลุกขึ้นมาพูด” อี๋อวี้กล่าว