บทที่ 20
หลังจากเรื่องจ่างซุนเสียนถูกโจวกั๋วฟูเหรินดุด่าสั่งสอนแพร่กระจายไป ชุมนุมกวีเอ่อร์หรงก็ติดร่างแหไปด้วย พวกจ่างซุนเสียนซึ่งเป็นคนสำคัญล้วนเก็บตัวอยู่กับเรือนไม่ย่างเท้าออกนอกประตู ส่งผลให้ผู้มาร่วมพบปะสังสรรค์ทุกครึ่งเดือนแต่เดิมลดน้อยลง ซ้ำร้ายลำนำเพลงดอกหญ้าตีค่าคนที่ชาวเมืองหลวงร้องกันติดปากยังป้ายรอยมลทินให้แก่มันอีก ด้วยเหตุนี้เหล่าคุณหนูฮูหยินรุ่นเยาว์ที่ในกาลก่อนเคยภาคภูมิใจกับการได้ชื่อว่าเป็นคนของชุมนุมกวีแห่งนี้ก็พากันหนีหน้าตีจากไปอย่างปราศจากสุ้มเสียงทีละน้อยทีละนิด ท้ายที่สุดงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชุมนุมกวีก็เริ่มหายไปอย่างเงียบๆ จะบอกว่าเหลืออยู่แต่ชื่อก็ไม่เป็นการกล่าวเกินไป
ทว่ากลุ่มสตรีในเมืองหลวงมิได้มีแค่ชุมนุมกวีเอ่อร์หรง ในขณะที่ทางฝั่งนี้เลิกราไปอย่างเงียบเหงาวังเวง อีกด้านหนึ่งงานชุมนุมพบปะของบรรดาฮูหยินรุ่นอาวุโสยังดำเนินต่อไปดังเก่า มีคนไม่น้อยสังเกตเห็นว่าพักนี้คุณหนูสามสกุลจ่างซุนที่เดิมทีปรากฏกายน้อยครั้งนักไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง เพราะนางไม่วางท่าเย่อหยิ่งผิดแผกจากพี่สาวคนโต จึงได้รับการต้อนรับเข้าสู่กลุ่มต่างๆ ในเวลาอันสั้น
วันนี้สตรีซึ่งออกเรือนแล้วอยู่ว่างๆ ไม่มีการงานใดกลุ่มหนึ่งนัดหมายกันไปจุดธูปไหว้พระที่อารามเฉิงอวิ๋น จ่างซุนซีก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับคำเชิญ อารามแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องขอบุตรและเนื้อคู่มากพอดู จึงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งหญิงสาวและสตรีที่มีเหย้ามีเรือนแล้ว
เมื่อจุดธูปไหว้พระและอ่านคำทำนายใบเซียมซีแล้ว สตรีกลุ่มหนึ่งก็ยกขบวนกันไปนั่งเล่นในสวนดอกไม้ของลานด้านหลังที่ปัดกวาดไว้ล่วงหน้า พวกนางสนทนากันไปเรื่อยๆ ก็พูดถึง ‘บันทึกลำดับวงศ์สกุล’ ซึ่งแก้ไขเรียบเรียงเสร็จไปแล้วเมื่อช่วงก่อน
“แต่ไรมาพวกห้าสกุลนั่นยกตนว่าสูงส่งเสียเต็มประดา แต่งบุตรสาวคนหนึ่งแทบจะเอาทรัพย์สมบัติของเรือนอื่นครึ่งหนึ่งไปเป็นสินสอดทองหมั้น เผอิญยังมีคนแห่กันประเคนไปให้ ครานี้ถูกลดลำดับเป็นชั้นสามัญ ดูทีว่าห้าสกุลนี้คงชูคออวดหยิ่งอย่างแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว”
ถ้อยคำนี้กล่าวจบก็เรียกเสียงหัวเราะดังขรม ว่าไม่ได้ที่พวกนางจะสาแก่ใจในคราวเคราะห์ผู้อื่น ชาวสกุลทั้งห้านี้ถือตนเป็นผู้สูงศักดิ์เพราะลำดับวงศ์สกุลสูงกว่าคนอื่นขั้นหนึ่ง มักไม่ให้เกียรติตระกูลอื่น อีกทั้งอาศัยการแต่งงานกอบโกยทรัพย์สินอย่างไร้ขอบเขต ทำให้คนที่อยากผูกดองกับห้าสกุลนี้ต้องชะงักเท้ามองอยู่ห่างๆ บัดนี้โดนลดขั้นต่ำต้อยลงไปแบบนี้ เรียกได้ว่าดึงเสี้ยนตำใจของผู้อิจฉาตาร้อนออกชิ้นหนึ่ง
จ่างซุนซีคลี่ยิ้มดื่มชาคำหนึ่ง นางไม่สอดปากขึ้น นั่งมองพวกนางคุยกันต่อไป
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลที่ตบแต่งสตรีห้าสกุลไปก่อนหน้าพวกนั้น คนที่ไม่ได้วางสินสอดทองหมั้นยังพอทำเนา แต่ถ้าทุ่มสินสอดไปก้อนใหญ่ กลับได้ภรรยาชั้นสามัญมาคนหนึ่ง เฮ้อ…นี่มิใช่ขาดทุนย่อยยับหรอกหรือ”
“เอ๊ะ? งานเสกสมรสของเว่ยอ๋องกำหนดไว้ต้นเดือนหน้ามิใช่หรือ สตรีคนที่พระองค์จะทรงแต่งเป็นชายา ไม่ใช่คุณหนูสกุลหลูหรอกหรือ”
“ข้าว่านะ เว่ยอ๋องทรงเคราะห์ร้ายน่าดู จากชั้นเอกอยู่ดีๆ กลายเป็นชั้นสามัญก็แล้วกันไปเถอะ ข้ายังได้ยินว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูหลูผู้นี้กับใต้เท้าตู้ไม่ใคร่ธรรมดานะ”
“ใต้เท้าตู้…ใต้เท้าตู้คนใด”