ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นางแอ่นขับขาน สกุณาแซ่ซ้อง บทที่ 1-2
“สกุลกู้ถือธรรมเนียมเคร่งครัด จะแต่งเข้าเพียงครั้งละคนเท่านั้น ไม่เคยแต่งสตรีเข้าจวนพร้อมกันทีเดียวสองคนมาก่อน” เสิ่นกุยเยี่ยนพูดเนิบๆ “หากน้องห้าอยากแต่งจริงๆ ไว้รอให้พี่แต่งเข้าไปก่อนสักสองปี เมื่อถึงตอนนั้นน้องห้าก็ถึงวัยควรออกเรือนพอดี แล้วพี่จะช่วยพูดกับบ้านสามีให้ ทางนั้นจะได้แต่งน้องห้าเข้าตระกูล”
“เจ้า!” โทสะของเสิ่นกุยหย่าพลุ่งพล่าน เสิ่นกุยเยี่ยนผู้สงบเสงี่ยมไร้ปากเสียงมาโดยตลอดถึงกับกล้าเย้ยหยันนางแล้ว พอจะได้แต่งเข้าจวนอัครเสนาบดีก็ไม่กลัวเกรงอะไรแล้วจริงๆ สินะ?
“อย่าเพิ่งได้ใจเร็วไปนักเลย! ข้าไม่ยอมให้เจ้าสมหวังหรอก!” นางแค่นยิ้ม “เอาเวลาตกฟากไปผูกดวงแล้วอย่างไร ยังอีกนานหรอกกว่าเจ้าจะได้ออกเรือน!”
“หย่าเอ๋อร์!” เสิ่นฮูหยินเห็นสามีหน้าตึง จึงอดเอ็ดบุตรสาวเสียงเขียวไม่ได้
เสิ่นกุยหย่ายอมหุบปากอย่างฮึดฮัด
ผู้เป็นบิดามองเสิ่นกุยเยี่ยนแล้วถอนหายใจ “ในเมื่อจะผูกดวงกันอยู่แล้ว เจ้าก็กลับไปเตรียมตัวเถิด คนอื่นก็กลับไปพักผ่อนกันให้หมด หากหย่าเอ๋อร์กล้าอาละวาดอีกก็ให้จับไปขังในห้องเก็บฟืน!”
“เจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
ทุกคนรับคำสั่งแล้วทยอยกันเดินออกจากห้องโถงใหญ่
สกุลเสิ่นมีจำนวนสมาชิกมากเหลือ นายผู้เฒ่าเสิ่นแต่งอนุทั้งหมดสามคน รวมกับภรรยาเอกอีกหนึ่ง เสิ่นฮูหยินให้กำเนิดบุตรสาวสองคนและบุตรชายหนึ่งคน ฉินอี๋เหนียงให้กำเนิดคุณชายรองเสิ่นกุยอู่กับคุณหนูสามเสิ่นกุยเยี่ยน นอกจากนั้นยังมีฟางอี๋เหนียงที่ให้กำเนิดคุณหนูสี่เสิ่นกุยอี๋ กับติงอี๋เหนียงที่เพิ่งถูกแต่งเข้าจวนได้ไม่นาน ยังไม่มีทายาท
เสิ่นกุยเยี่ยนเดินรั้งท้ายสุด ฉินอี๋เหนียงชะลอฝีเท้าจนเดินเคียงข้างนางแล้วกระซิบเบาๆ “ระยะนี้คุณหนูสามควรระวังคุณหนูห้าแล้วอยู่ห่างๆ นางไว้สักหน่อยจะดีกว่า”
“ข้าทราบแล้ว” เสิ่นกุยเยี่ยนมองเสื้อนวมกลางเก่ากลางใหม่บนร่างฉินอี๋เหนียงแล้วถอนหายใจเบาๆ
แม้จะมีบุตรชายบุตรสาวให้อย่างละคน ทว่าชีวิตของฉินอี๋เหนียงก็ไม่ได้สุขสบายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เดิมอีกฝ่ายเป็นสาวใช้ประจำตัวเสิ่นฮูหยินมาก่อน ทำไปทำมาได้รับความเอ็นดูจากนายผู้เฒ่าเสิ่นจนให้กำเนิดคุณชายรอง แล้วถูกยกขึ้นมาเป็นอี๋เหนียง เสิ่นฮูหยินไม่ชอบฉินอี๋เหนียง ออกจะหาเรื่องกลั่นแกล้งเป็นประจำด้วยซ้ำ ฝ่ายฉินอี๋เหนียงก็นิสัยปวกเปียกอ่อนแอ ยอมให้อีกฝ่ายโขกสับโดยไม่ปริปากแม้แต่น้อย
เสิ่นกุยเยี่ยนถูกจับแยกจากมารดาตั้งแต่อายุห้าขวบ โตขึ้นมาได้เพราะการเลี้ยงดูของแม่นม พอเจริญวัยยังต้องคอยเป็นห่วงมารดาเพราะฉินอี๋เหนียงอ่อนแอรังแกง่ายเหลือเกินจริงๆ
ตอนนี้ในที่สุดนางก็จะได้แต่งเข้าจวนอัครเสนาบดีเสียที เสิ่นกุยเยี่ยนคิดเตรียมไว้แล้วว่าหากจวนสกุลเสิ่นอยู่ยากนัก นางจะแอบรับมารดาออกไปอยู่ข้างนอก ขอเพียงแต่งงานเข้าจวนอัครเสนาบดี นางน่าจะมีกำลังทำเช่นนั้นได้
แม่ลูกแยกกันตรงทางเดินสายเล็กด้านหน้า เสิ่นกุยเยี่ยนกำลังพาเป่าซั่นสาวใช้ประจำตัวเดินกลับเรือนตนเองก็ได้ยินเสียงหนึ่งแหวขึ้นข้างหลัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
อะไรควรเกิดก็ยังต้องเกิดอยู่ดี เสิ่นกุยเยี่ยนถอนหายใจเฮือก ก่อนหันกลับไปมองน้องสาวต่างมารดาที่ไล่ตามมา ด้านหลังอีกฝ่ายยังมีเสิ่นกุยเหวิน บุตรชายคนเล็กสุดของตระกูลที่เกิดจากภรรยาเอก ปีนี้เพิ่งอายุได้สิบสามปี
“ทำให้ข้าถูกท่านพ่อตบหน้าแล้วคิดจะกลับเรือนไปนอนอย่างสบายใจได้หรือ” เสิ่นกุยหย่าแค่นหัวเราะ แล้วโบกมือวูบ บ่าวที่ตามมาด้วยปรี่เข้ามาจับตัวทั้งเสิ่นกุยเยี่ยนและเป่าซั่นไว้ทันที
“คุณหนูห้าจะทำอะไรเจ้าคะ” เป่าซั่นถามอย่างร้อนรน “วันนี้ตบไม่ได้นะเจ้าคะ พรุ่งนี้คุณหนูต้องพบคนสกุลกู้!”
ทว่าเสิ่นกุยเยี่ยนชินชาเสียแล้ว นับแต่ฉายแววปราดเปรื่องในวัยเยาว์ เมื่อกลับจวนมานางก็มักถูกทั้งมือทั้งเท้าของเสิ่นกุยหย่า น้องสาวผู้นี้ถูกตามใจจนเสียเด็ก ไม่เล่าเรียนศิลปะของกุลสตรี ไม่แตกฉานตำรากาพย์กลอน อยากได้สิ่งใดเสิ่นฮูหยินก็มอบให้ทุกอย่าง ถึงได้มีนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจเช่นนี้
โชคดีที่นางใกล้ออกเรือนเต็มที ต้องอดทนต่อไปเพียงไม่กี่วันหรอก
“อยากพบคนสกุลกู้?” เสิ่นกุยหย่าแค่นยิ้ม “ข้าจะตบให้เจ้าออกไปพบไม่ได้นี่ล่ะ! รู้จักยั่วยวนบุรุษตั้งแต่อายุเพียงแปดขวบ ใบหน้านี้ก็งามขึ้นทุกวันจริงๆ”
เสิ่นกุยหย่าพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ เนื่องจากกลัวตนเองจะเจ็บมือจึงไม่คิดจะใช้มือตบ นางทำพัดหยกเล่มหนึ่งขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ยาวราวหนึ่งฉื่อ* พอคว้าตัวอีกฝ่ายได้ก็เงื้อพัดตบหน้า
พัดนี้ตบได้เจ็บนัก เสิ่นกุยหย่าใช้ตบมาจนชำนิชำนาญแล้ว แม้จะตบแรงเพียงใดก็ไม่ทำให้พัดหยกหัก
เสิ่นกุยเยี่ยนขมวดคิ้วพลางดิ้นขัดขืน วันนี้นางไม่อยากทนถูกตบ
“เป็นอันใด กลัวขึ้นมาแล้วหรือ” น้องสาวต่างมารดาแย้มยิ้ม “เช่นนั้นก็ไปบอกท่านพ่อสิว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานกับกู้เจาตงแล้ว ยกเขาให้ข้าเสีย!”
“ไม่!” เสิ่นกุยเยี่ยนหลับตาลง “ข้ารอมาหลายปี ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว”
หากไม่เพราะระลึกอยู่เสมอว่าวันหนึ่งเขาจะช่วยให้นางหลุดพ้นจากทะเลทุกข์แห่งนี้ นางคงเลิกทนไปนานแล้ว
“ฮ่าๆ รอมาหลายปี? พูดได้ดี!” เสิ่นกุยหย่าใช้พัดฟาดเพียะลงบนใบหน้าของเสิ่นกุยเยี่ยน “นางแพศยาไร้ยางอาย! ช่างกล้าพูดออกมาได้ วันนี้ข้าจะตบเจ้าให้หน้าแตก ดูซิว่าเจ้ายังจะเอาอะไรไปมัดใจคุณชายกู้ได้อีก”
เมื่อพัดหยกตบลงบนโหนกแก้ม ความเจ็บปวดพลันแล่นปราดบนใบหน้าของเสิ่นกุยเยี่ยน วันพรุ่งนี้จะต้องเขียวช้ำเป็นแน่ พอใบหน้าบวมโย้ พรุ่งนี้เมื่อฝ่ายชายมาถามชื่อและเวลาตกฟากไปผูกดวงตามประเพณี นางคงต้องอ้างว่าป่วยแล้วให้ฉินอี๋เหนียงช่วยรับหน้าแทนอีกแล้ว
เสิ่นกุยหย่ายืนประชิดตัว ใช้พัดหยกตบหน้าเสิ่นกุยเยี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ชั่วขณะจิตหนึ่งนางอยากเงื้อเท้าถีบเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน