อูซื่อแค่นจมูกเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปรับถ้วยชาพลางกล่าว “เดือนก่อนยายหนูสี่บ้านข้าก็เพิ่งออกเรือนไป นางเป็นบุตรสาวของภรรยารอง ข้าไม่ถูกชะตาด้วยนัก แต่ก็ยังจัดสินเจ้าสาวให้ยี่สิบหีบ บรรจุข้าวของเต็มแน่นทุกใบ แหม ใช่ว่าข้าปากมากอยากสอดมือเข้ามาก้าวก่ายเรื่องในจวนของเจ้า แต่คนเป็นนายหญิงต้องใจกว้างเสียหน่อย หาไม่ผู้อื่นเห็นเข้าแล้วหัวเราะเยาะขึ้นมาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน”
เสิ่นฮูหยินหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย โต้กลับอย่างไม่พอใจ “แต่ละจวนย่อมมีธรรมเนียมแตกต่าง…”
“นั่นสิ ธรรมเนียมแต่ละจวนก็แสดงถึงฐานะครอบครัวด้วยเช่นกัน” อูซื่อหัวเราะสองทีแล้วยกนิ้วนับหีบที่กองกันอยู่อีกด้าน “ข้าวของที่เห็น…ปีนี้นายผู้เฒ่าเสิ่นคงได้เบี้ยหวัดไม่พอใช้สอย ถึงต้องกระเหม็ดกระแหม่เพียงนี้”
เหล่าฮูหยินตระกูลต่างๆ ชอบเปรียบเทียบกันเป็นวิสัยมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเสื้อผ้าเครื่องประดับ การแต่งงานของบุตรสาว ตำแหน่งของสามีก็ล้วนเอามาประชันขันแข่งกันได้หมด เสิ่นฮูหยินได้ฟังดังนั้นจึงหน้าชา ก่อนเม้มปากแล้วตอบกลับไป “ไม่รบกวนให้ฮูหยินมาเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องเบี้ยหวัดนายท่านของข้าหรอก”
“นั่นสินะ ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะมาเดือดเนื้อร้อนใจ” อูซื่อจิบชาอึกหนึ่งแล้วจุปาก “แต่ประเดี๋ยวพอถึงวันจริงต้องให้ฮูหยินจวนท่านรองเสนาบดีซย่ามาดูเสียหน่อย เมื่อปีกลายนางแต่งบุตรของอนุออกไป ให้สินเจ้าสาวติดตัวเพียงสิบแปดหีบยังถูกผู้อื่นเอาไปล้อเลียนอยู่เป็นปี ปีนี้ควรเปลี่ยนคนบ้างแล้ว”
เสิ่นฮูหยินอ้าปาก แต่ไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี ได้แต่ถลึงตาดุดันใส่เสิ่นกุยเยี่ยนทีหนึ่ง
เด็กสาวเลิกคิ้วแล้วลุกขึ้นมาย่อกายคารวะ “กุยเยี่ยนคิดว่าสินเจ้าสาวเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ฮูหยินโปรดอย่าได้กลัดกลุ้มใจไป กุยเยี่ยนไม่เรียกร้องมากหรอกเจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้เสมอว่าอะไรเป็นอะไร” เสิ่นฮูหยินยิ้มแต่ปาก “ในเมื่อรู้แล้วไยต้องเชิญเกาฮูหยินมาอีกเล่า”
“ตายจริง ดูพูดจาเข้าสิ” อูซื่อลุกขึ้นยืนมองอีกฝ่ายเคืองๆ “คุณหนูสามเชิญข้ามาจุดธูปเคารพฉินอี๋เหนียงต่างหาก คงไม่ทำเกินไปหรอกกระมัง ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าเตรียมสินเจ้าสาวอยู่ ตนเองจัดของให้จำกัดจำเขี่ย พอผู้อื่นว่าก็ไม่พอใจหรือ”
เสิ่นฮูหยินลุกขึ้นยืนบ้าง ท่าทางใกล้บันดาลโทสะเต็มที
เสิ่นกุยเยี่ยนเห็นบรรยากาศเริ่มไม่เข้าเค้าก็รีบเข้าไปดึงแขนอูซื่อ “เกาฮูหยินไปจุดธูปให้ฉินอี๋เหนียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ วันนี้ท่านก็ไม่ได้มาที่จวนเพื่อพูดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว”
“จุดธูป? ฉินอี๋เหนียงที่อยู่ในยมโลกเห็นบุตรสาวตนเองถูกกดขี่เช่นนี้คงไม่ได้ไปอย่างสบายใจหรอก จุดธูปให้สักเพียงใดก็เปล่าประโยชน์!” อูซื่อแค่นจมูกเบาๆ “วันนี้ข้ามาเยือนถึงได้เห็นเข้า หากไม่ได้เห็น ทุกคนคงพูดกันว่าเจ้าเป็นนายหญิงที่ใจกว้างอารีสินะเปาซื่อ เรื่องในจวนเจ้าข้าไม่อยากยุ่งด้วยนักหรอก แต่วันแต่งงานของคุณหนูสาม พวกเราจะมาดูเรื่องขำขันด้วยแล้วกัน”
พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปก่อน เสิ่นกุยเยี่ยนรีบสั่งให้เป่าซั่นตามไปส่ง ส่วนตนเองแข็งใจอยู่ในห้องโถงต่อ
หากนางตามอูซื่อไปในเวลานี้ เสิ่นฮูหยินก็จะมองว่านางหาคนมาช่วยกดดันตนเอง แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็จะให้มารดาเลี้ยงมองออกไม่ได้เด็ดขาด
“เป็นสตรีจัดจ้านที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านอะไรอย่างนี้!” เสิ่นฮูหยินเกรี้ยวกราด “จู่ๆ ให้นางมาที่จวนด้วยเหตุใดกัน มาถึงก็ยุ่มย่ามเรื่องในสกุลเสิ่น จวนสกุลเกาของนางไม่ใหญ่พอหรืออย่างไร”
เสิ่นกุยเยี่ยนเอ่ยแก้ต่างทันที “ท่านแม่โปรดอย่าได้โมโหไปเลยเจ้าค่ะ นิสัยของเกาฮูหยินเป็นเช่นนั้นเอง ใช่ว่าท่านเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกเสียหน่อย วันนี้นางมาจุดธูปส่งฉินอี๋เหนียงจริงๆ เจ้าค่ะ กุยเยี่ยนไม่รู้ว่าท่านกำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องโถงด้านหน้าก็เลย…”
เสิ่นฮูหยินร้องหึ นั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่บนเก้าอี้คนเดียวสักพักก็โบกมือ “เจ้ากลับไปก่อน”
“เจ้าค่ะ” เสิ่นกุยเยี่ยนรับคำแล้วออกจากห้องโถงหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นก็รีบรุดไล่ตามอูซื่อไป
ฮูหยินรองเสนาบดีเกายืนรอนางอยู่หน้าจวน สีหน้าไม่แสดงให้เห็นถึงความขุ่นขึ้งแม้เพียงนิด รอจนนางเดินเข้ามาใกล้ก็ทอดถอนใจทีหนึ่ง “เจ้านี่ไหวพริบดีจริง ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องมีเรื่องเดือดร้อนอะไรแน่ๆ ถึงได้เรียกข้ามา”
เสิ่นกุยเยี่ยนใบหน้าแดงวาบ ก่อนจะย่อกายคารวะอีกฝ่าย “ขอบคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ”
“พอเถิด ถึงอย่างไรข้าก็ยินดีช่วยเจ้าอยู่แล้ว เจ้าตามข้ามาถือว่าถูกต้องทีเดียว หากเป็นผู้อื่น…หรือแม้แต่ฮูหยินท่านอัครเสนาบดีมาเองก็ไร้ประโยชน์” อูซื่อหัวเราะพลางกระซิบกระซาบ “เปาซื่อผู้นี้ห่วงหน้าตายิ่งกว่าอะไร วันนี้ถูกข้าค่อนแคะดักเอาไว้ คงไม่กล้าให้สินเจ้าสาวเจ้าน้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นวันหน้ายามนัดรวมตัวกัน พวกเราก็จะหัวเราะเยาะนางทุกคราไป นางรับไม่ไหวหรอก”
เด็กสาวพยักหน้า แล้วกล่าวเบาๆ “กุยเยี่ยนไม่ได้เรียกร้องสินเจ้าสาวมากมายนักหรอกเจ้าค่ะ แต่ขอไม่ให้ผิดธรรมเนียมเป็นอันใช้ได้ ขอบคุณฮูหยินมากนะเจ้าคะที่ช่วย”
“เด็กคนนี้นี่นะ…” ผู้อาวุโสตบหลังมือนาง “ว่างๆ ก็แวะไปคุยกับจิ่นเอ๋อร์บ้างนะ นางกำลังอยู่ในช่วงรอหาคู่ครอง วันๆ ไม่มีอะไรทำหรอก”
“ได้เจ้าค่ะ” เสิ่นกุยเยี่ยนผงกศีรษะรับแล้วยืนส่งอูซื่อขึ้นรถม้าจากไป