“ท่านมีสิ่งใดจะสั่งก็เชิญพูดมาได้เลย กุยเยี่ยนเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ เมื่อไร้ฝ่าบาทก็ไร้ที่พึ่งพิง กุยเยี่ยนเป็นเพียงมารดาคนหนึ่งเท่านั้น หากสามารถทำให้บุตรมีชีวิตต่อไปจะให้ทำอะไรย่อมเจรจาได้ทั้งหมด”
“วิเศษ!” เหวินโซ่วซานหัวเราะร่า “ข้าชอบคนฉลาดรู้จักยืดหยุ่นเช่นเจ้าที่สุด มา ตามข้าไปที่บัลลังก์มังกรในท้องพระโรง!”
เสิ่นกุยเยี่ยนตาพร่าไปหมด เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกจนแทบยืนไม่อยู่ ต้องให้เกาจิ่นซิ่วกับเป่าซั่นช่วยกันพยุงคนละข้างถึงจะพอฝืนเดินออกไปข้างนอกไหว
“ระหว่างอยู่เดือนจะต้องลมไม่ได้นะเพคะ” เป่าซั่นร้องไห้พลางสวมเสื้อคลุมแบบมีหมวกให้เจ้านายอย่างแน่นหนา “จะทรงฟังขุนนางโฉดพวกนั้นไปด้วยเหตุใดกัน ไม่เสด็จก็ได้นี่เพคะ…”
เสิ่นกุยเยี่ยนอุ้มลูกน้อยขึ้นนั่งเกี้ยว จากนั้นก็ฝืนยิ้ม “พวกเราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี มัวสนใจเรื่องหยุมหยิมไม่ได้”
เป่าซั่นมองเกี้ยวถูกหามไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วทิ้งตัวนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงบนถนนในวังหลวง จากนั้นปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
นางรู้ว่าในเวลาเช่นนี้เจ้านายนางจะร้องไห้ไม่ได้ เช่นนั้นนางจะระบายความอัดอั้นคับแค้นทั้งหมดออกมาทางน้ำตาให้เอง
เมืองหลวงถูกยึด ฮ่องเต้ลี้ภัย เหวินโซ่วซานยกทารกในห่อผ้าเป็น ‘รัชทายาทรักษาการ’ ประกาศว่าจะรอฮ่องเต้กลับเมืองหลวง
หากกล่าวตามตรงก็เหมือนส่งสารถึงฮ่องเต้ว่า ‘บุตรชายเจ้าอยู่ในมือข้า ตอนนี้ยังแบเบาะ เจ้าจะกลับมาอุ้มบุตรก็ได้ แต่ต้องแลกด้วยชีวิตและราชบัลลังก์ แน่นอนว่าเจ้าจะไม่กลับมาก็ได้ เช่นนั้นข้าก็จะใช้เด็กคนนี้เป็นเครื่องมือ ควบคุมบัลลังก์บัญชาขุนนาง’
กว่ากู้เจาเป่ยจะรู้ข่าวก็อีกสิบวันให้หลัง
อากาศหนาวจับจิต ฮ่องเต้ยืนอยู่บนกำแพงเมืองหลีโจว เหม่อมองไปทางเมืองหลวงด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ฝ่าบาท องค์หญิงตวนเหวินทรงนำกองทัพของไหวหนานมาพิทักษ์พระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงรักษากำลังหลักของทัพเราได้ การจะหวนกลับไปตีเมืองหลวงคืนไม่ใช่เรื่องยาก” กู้เจาหนานรายงาน
กู้เจาเป่ยยืนนิ่งไม่ขยับ
“ฝ่าบาท?”
“พี่รอง ท่านได้ยินเสียงร่ำไห้หรือไม่” ฮ่องเต้หันมาถามอีกฝ่ายอย่างเหม่อลอย
เสียงร่ำไห้? กู้เจาหนานเหลียวมองไปรอบตัวอย่างงุนงง “ไม่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“เราได้ยิน” กู้เจาเป่ยยิ้มพลางชี้มือไปยังที่ไกล หยดน้ำเป็นประกายอยู่ในดวงตา “เสียงของบุตร…เสียงของนาง…”
เสียงร้องไห้สะท้อนกังวานอยู่ในอากาศเวิ้งว้าง ลอยวนอยู่รอบตัวเขา รุมทึ้งกระชากหัวใจจนปวดร้าวเหมือนถูกฉีกทั้งเป็น
กู้เจาหนานตะลึงงัน แล้วก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จา
นับแต่ทิ้งเยี่ยนกุ้ยเฟยไว้ในเมืองหลวง ฮ่องเต้ก็ไม่เป็นปกติแม้แต่วันเดียว แต่ก่อนเขาไม่เคยคิดเลยว่ากู้เจาเป่ยผู้เสเพลรักสนุกจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
ทว่าภาวะการศึกคับขันนัก
“ตวนเหวินจะมาถึงเมื่อไร” ฮ่องเต้ถาม
กู้เจาหนานตอบเบาๆ “ราวสองเดือนให้หลังพ่ะย่ะค่ะ”
พวกเขาไม่สนใจกลศึก สนใจเพียงกำลังทหารเท่านั้น หากรวบรวมไพร่พลจากทุกฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวได้เมื่อไรจะต้องตีเมืองหลวงคืนมาได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่…ต้องใช้เวลา
และสิ่งที่สร้างความทรมานให้กู้เจาเป่ยมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 ส.ค. 66 เวลา 12.00 น.