ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นางแอ่นขับขาน สกุณาแซ่ซ้อง บทที่ 5-6
บทที่ 5 เคราะห์หนักเมื่อสิบห้า
ไม่ว่าเสิ่นกุยเยี่ยนจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างเหลวไหลสิ้นดี บุรุษที่ตกลงว่าจะแต่งงานกับนางมานาน บุรุษที่นางเชื่อมั่นมาโดยตลอดมีสัมพันธ์ทางกายครั้งที่สองกับน้องสาวนางซึ่งเกิดจากภรรยาเอก แต่กลับบอกว่ายังจะตบแต่งนางเหมือนเดิมและไม่รับผิดชอบน้องสาวนาง ข้างบนก็มีแม่ใหญ่กดดันอยู่ จะให้นางตัดสินใจอย่างไรได้เล่า
หากยืนยันจะแต่งต่อไป มิเท่ากับนางละโมบในลาภยศสรรเสริญของตระกูลอัครเสนาบดีโดยไม่สนใจไยดีน้องสาวหรอกหรือ แต่หากไม่แต่งก็กลายเป็นว่าบุตรสาวอนุของรองเสนาบดีเล็กๆ เช่นนางทำลายการแต่งงานของจวนอัครเสนาบดีไปแทน
พวกนางนึกว่านางโง่หรือไร
เสิ่นกุยเยี่ยนก้มศีรษะ หน้าซีดเผือด ทำได้เพียงให้เป่าซั่นไปเรียนบิดาให้รีบมาคืนความเป็นธรรม
เสิ่นกุยหย่าที่อยู่ตรงนั้นนั่งบีบต้นขาน้ำตาคลอเบ้า เสิ่นกุยเยี่ยนมองแล้วอึ้งไปเล็กน้อยด้วยไม่เคยเห็นมาก่อนว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้เป็น
เมื่อบิดาก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เสิ่นกุยหย่าก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าดังตุ้บแล้วกอดต้นขาผู้เป็นบิดาพลางร่ำไห้ “ท่านพ่อ ท่านตีลูกให้ตายเถิดเจ้าค่ะ ลูกไม่มีหน้าจะเจอใครแล้ว เพื่อการแต่งงานของพี่สาว ท่านพ่อตีลูกให้ตายไปเสียเถิดเจ้าค่ะ”
นายผู้เฒ่าเสิ่นสะดุ้งเฮือก รีบประคองบุตรสาวขึ้นมาตามความเคยชิน “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ที่คุกเข่าอยู่ข้างกันยังมีกู้เจาตงที่ควรกลับไปตั้งนานแล้ว นายผู้เฒ่าเสิ่นขมวดคิ้วแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ประธาน
เสิ่นกุยหย่าร้องไห้น้ำตานองหน้า พูดเสียงสะอึกสะอื้น “ลูกชอบคุณชายกู้มากเหลือเกิน ห้ามใจมิให้มีสัมพันธ์กับคุณชายไม่ได้จริงๆ ลูกมันต่ำช้า ลูกมันหน้าด้าน…”
ระหว่างที่พูดเสิ่นกุยหย่ายังยกมือตบหน้าตนเองอย่างแรงหลายครั้ง
เสิ่นกุยเยี่ยนเบิกตากว้าง รู้สึกว่าหากน้องสาวต่างมารดาไม่เสียสติก็จะต้องถูกผีเข้าเป็นแน่แท้!
ทุกคนในห้องตกตะลึงไปตามๆ กัน กู้เจาตงถึงกับคว้ามือนางไว้ไม่ให้ทำร้ายตนเองต่อพลางขมวดคิ้วห้าม “คุณหนูห้า!”
เสิ่นกุยหย่าจับมือเขาไว้พลางสะอื้นฮัก ทั้งคู่คุกเข่าเคียงกัน สภาพดูราวกับนกเป็ดน้ำคู่รักที่จะถูกจับพรากกันอย่างนั้น
กู้เจาตงสับสนอยู่ในใจ เขามองคนน้องอยู่นาน ก่อนจะหันไปมองคนพี่แวบหนึ่ง เสิ่นกุยหย่ารู้สึกเหมือนเขาจะเริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตาสะท้อนความขัดแย้งออกมาอย่างชัดเจน แต่แล้วอึดใจต่อมาเขาก็หันไปค้อมคำนับนายผู้เฒ่าเสิ่น “เรื่องวันนี้เป็นความผิดของหลานเอง อย่าตำหนิคุณหนูห้าเลยขอรับ รอให้กุยเยี่ยนแต่งเข้าตระกูลเมื่อไร หลานจะต้องชดเชยให้คุณหนูห้าอย่างแน่นอน”
เสิ่นกุยหย่าสะอื้นเบาๆ “คุณชายกู้อย่าฝืนใจเลยเจ้าค่ะ ในเมื่อไม่ใช่คู่ครองที่สวรรค์ลิขิตมาให้ หย่าเอ๋อร์จะเหนี่ยวรั้งไว้ได้อย่างไร”
คนหนึ่งไม่ลืมความรับผิดชอบ คนหนึ่งไม่ลืมความเป็นเหตุเป็นผล พออยู่คู่กันเช่นนี้ ผู้อื่นก็ดูเหมือนจะเป็นคนร้ายกาจไปเสียหมด นายผู้เฒ่าเสิ่นถอนหายใจเฮือก ตำหนิติเตียนได้ไม่เต็มปากเช่นกัน ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีรับผิดชอบก็เอาตามนี้แล้วกัน
ตำแหน่งขุนนางสูงกว่าเพียงขั้นเดียวยังกดดันถึงตายได้ นี่ตำแหน่งของอีกฝ่ายยังสูงกว่าเขาตั้งหลายขั้น
อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย…อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย
เสิ่นกุยเยี่ยนชอกช้ำอยู่บ้าง แต่เมื่อมองเสิ่นกุยหย่าที่ยังไม่เลิกร่ำไห้ก็คิดว่าฝ่ายนั้นน่าจะเจ็บช้ำยิ่งกว่า ถึงอย่างไรนางก็ยังสามารถแต่งเข้าจวนอัครเสนาบดีไปเป็นภรรยาเอก ขณะที่ตอนนี้เสิ่นกุยหย่ายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
ปรากฏว่าพอทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว จู่ๆ เสิ่นกุยหย่าที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันมามองนางแล้วยิ้ม “เกลียดข้ามากเลยสินะ”
เสิ่นกุยเยี่ยนชะงัก
“ช่วยไม่ได้ ก็ข้าเป็นตัวเอกฟ้าลิขิตที่ข้ามมิติมานี่นา” ท่าทางน่าสงสารเมื่อครู่ถูกสลัดทิ้งไปจนสิ้น เสิ่นกุยหย่ากระหยิ่มยิ้มย่อง “เจ้าคงฟังไม่รู้เรื่องหรอกว่าข้าพูดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อข้ามาแล้ว ต่อให้เจ้างดงามสักเพียงใดก็แข่งกับเสิ่นกุยหย่าไม่ชนะ”
‘เสิ่นกุยหย่า’ ยกมือป้องปากยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ ดูละครทะลุมิติมาหลายปีดีดัก ในที่สุดก็ถึงตาตนเองบ้างแล้ว นางจะทำให้บุรุษทุกคนที่อยู่ที่นี่หลงรักนาง ทำให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดตกเป็นของนางให้ได้ นางตัวประกอบหน้าตาพริ้มเพราผู้นี้เชี่ยวชาญศิลปะทุกแขนงแล้วอย่างไรเล่า นางเป็นคนยุคปัจจุบัน มีอะไรที่แย่งมาไม่ได้บ้าง
เสิ่นกุยเยี่ยนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าเดินยิ้มจากไปจนไกล ก่อนจะหันไปถามเป่าซั่นอย่าอึ้งๆ “นางจมน้ำจนสมองเสื่อมไปจริงๆ หรือ”
สาวใช้เบ้ปาก “เสื่อมขั้นรุนแรงด้วยเจ้าค่ะ”
อะไรคือ ‘แข่งกับเสิ่นกุยหย่าไม่ชนะ’ คุณหนูของนางไม่เคยคิดจะชิงดีชิงเด่นด้วยเสียหน่อย แต่สิ่งใดสมควรได้ก็จะไม่หลีกทางให้เด็ดขาด!
เสิ่นกุยเยี่ยนส่ายศีรษะ เห็นว่าตนเองควรกลับไปปักชุดเจ้าสาวก่อนจะดีกว่า น้องสาวต่างมารดาอยากเสียสติก็ปล่อยให้เสียสติไป
“คุณหนู ท่านยังเกลียดชังคุณหนูสามเหมือนเมื่อก่อนเลยนี่เจ้าคะ” อวี้ซูประคองเสิ่นกุยหย่าพลางพูดอย่างประหลาดใจ “แม้ไม่มีความทรงจำหลงเหลือก็ยังเกลียดหรือเจ้าคะ”
เสิ่นกุยหย่าร้องหึเบาๆ “แค่เห็นหน้าก็รู้สึกไม่ถูกชะตาแล้ว หน้าตางดงามถึงเพียงนั้นต้องเป็นนางจิ้งจอกแน่ๆ อีตาคุณชายกู้นั่นเป็นประเภทใช้ข้างล่างคิดแทนสมอง มีหรือจะตาแหลม มองอะไรฉาบฉวยล่ะไม่ว่า”
อวี้ซูผงะไปเล็กน้อย รู้สึกไม่คุ้นชินกับคำพูดคำจาของคุณหนูของตนนัก
เสิ่นกุยหย่ากล่าวต่อไป “สตรีเช่นนี้น่ะ สมัยอยู่ที่เดิมข้าเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว แค่หน้าตาสะสวยสักหน่อยบุรุษก็ชมชอบ ถือว่าตนเองวิเศษเลิศเลอเพราะเล่าเรียนหนังสือ บุรุษพวกนั้นมันตาถั่ว มองไม่เห็นความงามจากภายในของข้า”
ฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด สาวใช้ได้แต่หัวเราะแหะๆ เออออตาม เสิ่นกุยหย่าเยื้องย่างเข้าไปในเรือนอย่างเชื่อมั่นพลางวางแผนว่าขั้นต่อไปจะจับกู้เจาตงอย่างไรให้อยู่มือ