ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นางแอ่นขับขาน สกุณาแซ่ซ้อง บทที่ 5-6
บทที่ 6 ชุบมือเปิบ
ทุกคนในห้องตกตะลึงกันหมด สลับชุด? เหตุใดต้องสลับชุดด้วยเล่า ทางจวนอัครเสนาบดีจะแต่งคุณหนูสามเข้าตระกูลอย่างถูกพิธีรีตองทุกอย่าง แล้วเหตุใดถึงจะสลับชุดกับคุณหนูห้าเล่า
เสิ่นกุยเยี่ยนยังไม่ทันได้สติกลับมาจากเรื่องของฉินอี๋เหนียงก็ถูกคนยื้อยุดแล้ว เป่าซั่นถูกกันไปอีกทางหนึ่ง สาวใช้สามสี่คนเข้ามาถอดชุดเจ้าสาวของนางออกแล้วห่มเสื้อคลุมกันลมตัวหนึ่งให้ลวกๆ
ทั้งมงกุฎเจ้าสาวและแถบคลุมไหล่ถูกดึงออกไปจนหมด ขณะที่เสิ่นกุยหย่าถูกประคองเข้ามา อีกฝ่ายแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม หวีเกล้าผมไว้เสร็จสรรพ เอาชุดเจ้าสาวของเสิ่นกุยเยี่ยนไปสวมใส่ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน
เสิ่นฮูหยินตามเข้ามาทีหลัง ขมวดคิ้วมองความอลหม่านในห้องแวบหนึ่งก็โบกมือสั่ง “ประคองคุณหนูสามไปอีกทาง แม้แต่สาวใช้ของนางก็คุมตัวไว้ให้ดี ช่วยคุณหนูห้าแต่งตัวให้เสร็จ แล้วอีกสักพักประคองขึ้นเกี้ยว”
แม่นมมงคลตะลึงงันด้วยความตกใจอยู่เป็นนานก็ยังไม่รู้ว่าควรจะมีอาการตอบสนองเช่นไรดี เสิ่นฮูหยินยัดเงินใส่มือแม่นมมงคลเป็นการปลอบขวัญพร้อมส่งสายตาให้ “ทั้งหมดข้าจะจัดการเอง”
“เจ้าค่ะ…” แม่นมมงคลรับเงินมาแล้วเหลือบมองเสิ่นกุยเยี่ยนอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“ท่านแม่ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” เสิ่นกุยเยี่ยนได้สติกลับคืนมา นางมองมารดาเลี้ยงพลางถาม
จะให้เสิ่นกุยหย่าออกเรือนแทนข้าเช่นนั้นหรือ
“เมื่อครู่หย่าเอ๋อร์เพิ่งถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์บุตรของคุณชายกู้” เสิ่นฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าไม่รื่นรมย์นัก “เรื่องจวนตัวเลยต้องให้นางออกเรือนไปก่อนค่อยว่ากัน ฉินอี๋เหนียงท่าทางคงไม่รอดแล้ว เท่ากับเป็นอัปมงคลต่องานแต่งของเจ้า ระงับไว้ก่อนชั่วคราวดีกว่า”
เหลวไหล! เสิ่นกุยเยี่ยนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง “ท่านแม่ตัดสินใจเช่นนี้ได้เรียนถามท่านพ่อหรือไม่เจ้าคะ”
“หากนายท่านทราบเรื่องก็ต้องเข้าใจอยู่แล้ว” อีกฝ่ายตอบ “ได้ฤกษ์แล้ว ต่อให้เจ้าอยากแต่งออกไป ก็แต่งหน้าใหม่ไม่ทันหรอก แม่นมมงคลประคองหย่าเอ๋อร์ออกไปซิ”
“เจ้าค่ะ” แม่นมมงคลรับคำเสียงแผ่วแล้วประคองเสิ่นกุยหย่าไปสวมผ้าคลุมศีรษะ
“พี่สาวไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะเจ้าคะ” เสิ่นกุยหย่ามองเสิ่นกุยเยี่ยนแล้วทอดถอนใจอย่างปลงๆ “ใครใช้ให้น้องมีบุตรก่อนกันเล่า น้องแต่งออกไปเช่นนี้ ผู้ใดก็คัดค้านไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่สวรรค์เล่นตลกกับชะตาคน”
พูดจบนางก็หัวเราะเบาๆ พลางดึงผ้าลงมาคลุมหน้า แล้วให้คนประคองออกจากห้อง
ต่อให้เสิ่นกุยหย่าหน้าไม่อายชิงมีความสัมพันธ์กับกู้เจาตงจนข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกก็ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อกู้เจาตงไม่ชอบนาง นางย่อมแต่งเข้าจวนสกุลกู้ไม่ได้ แต่เวลานี้นางกลับบอกว่าตั้งครรภ์บุตรของกู้เจาตง
ลองคำนวณเวลาดูก็น่าจะใช่กระมัง ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางกายตั้งแต่พิธีถามชื่อและเวลาตกฟากเมื่อสองเดือนก่อน หากพลาดพลั้งตั้งครรภ์ขึ้นมาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เสิ่นกุยเยี่ยนตัวแข็งทื่อ เพียงปล่อยให้สาวใช้ประคองไปอีกทางหนึ่ง งานพังไม่เป็นท่าจนร่ำไห้ไม่ออก เป่าซั่นดิ้นขัดขืนอย่างร้อนใจ “คุณหนู ท่านปล่อยให้พวกนางแย่งการแต่งงานของท่านไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน คนที่ควรขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวคือท่านนะเจ้าคะ!”
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เงื้อเท้าถีบเข้าที่ท้องของเป่าซั่น นางหน้าซีดเผือด เจ็บเสียจนพูดไม่ออก
“หากยังลงไม้ลงมือกับสาวใช้ของข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
เสิ่นกุยเยี่ยนมองเสิ่นกุยหย่าถูกส่งตัวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เสียงแตรเสียงฆ้องดังอึกทึกอยู่ด้านนอก น่าแปลกที่น้ำเสียงของเสิ่นกุยเยี่ยนยังคงเยือกเย็นได้อยู่
สาวใช้ที่จับตัวเป่าซั่นไว้สะท้านเฮือกด้วยความตกใจ ทว่านางเป็นบ่าวในเรือนเสิ่นฮูหยิน ส่วนอีกฝ่ายเป็นเพียงคุณหนูสาม ซ้ำตอนนี้ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนอัครเสนาบดี เสิ่นกุยเยี่ยนจะทำอะไรนางได้เล่า คิดได้ดังนั้นก็แค่นยิ้ม “คุณหนูสามช่างวางท่าใหญ่โตเสียจริงนะเจ้าคะ วันนี้บ่าวได้รับคำสั่งจากฮูหยิน หากนางบ่าวนี่กล้าแผลงฤทธิ์อีกบ่าวก็ยังจะถีบมันเหมือนเดิม”
“จิ้งจอกแอบอ้างบารมีพยัคฆ์”* เป่าซั่นด่าอย่างไม่เลือกคำพูด “จวนอัครเสนาบดีไม่ยอมให้พวกเจ้าทำตามใจชอบเช่นนี้แน่ ตาปลาก็คือตาปลา จะเอาไปหลอกว่าเป็นไข่มุกได้จริงๆ หรือไร!”
เสิ่นฮูหยินตามพวกเสิ่นกุยหย่าออกจากห้องนี้ไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงสาวใช้สามคนให้คอยคุมตัวสองนายบ่าว ในเมื่อมีสามต่อสอง พอได้ยินเป่าซั่นพูดเช่นนั้น แม้ไม่อาจแตะต้องผู้เป็นนาย แต่มีหรือจะทำอะไรบ่าวรับใช้ไม่ได้
“จับมันไว้!”
เนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายคนน้อยกว่า สาวใช้ที่ถูกด่าจึงไม่คิดจะข่มอารมณ์ ขอตบเป่าซั่นสักสองฉาดให้ได้ถึงจะยอมเลิกรา สาวใช้อีกสองคนที่เหลือจับตัวเป่าซั่นไว้ตามคำสั่ง คุณหนูสามปวกเปียกอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่ง
‘เพียะ!’
ปรากฏว่าพอสะบัดมือตบ จู่ๆ เสิ่นกุยเยี่ยนก็ถลาร่างพร้อมยื่นหน้ามารับฝ่ามือนี้ไว้แทน
สาวใช้ที่ตบผงะอึ้ง รีบชักมือกลับมาด้วยความตกใจ ทว่าแก้มของเสิ่นกุยเยี่ยนปรากฏเป็นรอยมือแดงๆ เรียบร้อยแล้ว
“คุณหนู!” เป่าซั่นสะดุ้งเฮือก รีบสลัดสาวใช้สองคนนั้นจนหลุด แล้วประคองผู้เป็นนายขึ้นมาดูใบหน้าอย่างเป็นห่วง “ท่าน…”
เสิ่นกุยเยี่ยนส่ายหน้าแล้วก้มเก็บปิ่นดอกเหมยที่ร่วงตกอยู่บนพื้นขึ้นมาปักบนเรือนผมใหม่อีกครั้ง จากนั้นเอ่ยเรียบๆ “ไว้ให้ด้านนอกคำนับลากันเสร็จแล้ว พวกเราค่อยออกไปขอให้ท่านพ่อตัดสินให้”
สาวใช้ที่ตบนางลนลานทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นดังตุ้บ “คุณหนูสาม! บ่าวสำนึกผิดแล้ว บ่าวสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ!”
ไม่ว่าอย่างไรบ่าวไพร่ก็ตบเจ้านายไม่ได้เด็ดขาด! เรื่องนี้จะแก้ต่างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น หากนายผู้เฒ่าเสิ่นรู้เข้า นางจะต้องถูกโบยเจียนตายอย่างแน่นอน!
ปกติคุณหนูสามเป็นคนเงียบๆ ไม่มีปากมีเสียง ใครเลยจะคิดว่าจู่ๆ จะถลาเข้ามาถูกตบแทนเสียเอง
เสิ่นกุยเยี่ยนนั่งไม่พูดไม่จาอยู่ตรงขอบเตียง สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้นก็ไม่กล้าลุกขึ้นมา
เสียงด้านนอกเริ่มซาลงทีละน้อย แขกเหรื่อบางคนอยู่กินข้าว ส่วนนายผู้เฒ่าเสิ่นน่าจะพอมีเวลาว่าง
“เป่าซั่น เปลี่ยนเสื้อผ้า” เสิ่นกุยเยี่ยนสั่งเบาๆ
ที่นี่เป็นห้องของนาง วันนี้เป็นวันมงคลของนาง ชุดเจ้าสาวถูกผู้อื่นแย่งไปใส่ ขณะที่นางถูกขังอยู่ในห้องโดยทำอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ฉินอี๋เหนียงเป็นตายไม่แจ้งและไม่รู้ด้วยว่าเป็นอะไร ทางกู้เจาตงก็คงคิดว่าคนที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวคือนาง แล้วรับกลับไปที่จวนอย่างปีติยินดี นอกจากเป่าซั่นแล้ว ข้างกายนางไม่มีผู้ใดให้พึ่งพาได้แม้แต่คนเดียว
เป่าซั่นเลือกชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนมาผลัดเปลี่ยนให้เสิ่นกุยเยี่ยนด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ หวีเกล้าผมให้ใหม่ แล้วพากันออกจากเรือน