เมื่อเทียบกันแล้วนางเชื่อใจหลี่เหวยหยวนมากกว่า ในเมื่อนางกับเขามีสายสัมพันธ์อยู่ด้วยกันมาหลายปีขนาดนี้ ในหลายปีที่ผ่านมาความดีที่หลี่เหวยหยวนมีต่อนางก็เป็นสิ่งที่นางสามารถสัมผัสได้ ดังนั้นต่อให้นางรู้ว่าสุดท้ายฉุนอวี๋ฉีจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไป แต่นางก็ไม่อยากทิ้งหลี่เหวยหยวนไปหาฉุนอวี๋ฉีอยู่ดี
“พี่ชาย” นางทนต่อแดดร้อนเดินไปรับหลี่เหวยหยวน “พี่จัดการธุระเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”
ทันทีที่หลี่เหวยหยวนออกจากประตูมาก็มองเห็นร่างของหลี่หลิงหว่านแล้ว ต่อจากนั้นก็มองเห็นร่างของบุรุษสองคนที่ยืนอยู่กับนางเช่นเดียวกัน ถึงเขาจะไม่รู้จักภิกษุรูปนั้น แต่อีกคนนั้นเขามองออกตั้งแต่แวบแรกแล้วว่าเป็นฉุนอวี๋ฉี
เหตุใดฉุนอวี๋ฉีจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งยังอยู่ด้วยกันกับหลี่หลิงหว่าน
หลี่เหวยหยวนรู้สึกตึงเครียดจึงรีบก้าวเข้าไปหาหลี่หลิงหว่าน แต่ตอนที่เดินไปได้ครึ่งทางนางก็เดินมาหาเขาแล้ว
ภายใต้ดวงอาทิตย์กลมโต ยามที่นางเงยหน้ามองมานั้น เขาก็สามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากนางได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นหลี่หลิงหว่านทิ้งฉุนอวี๋ฉีมาต้อนรับตนเองทันทีเช่นนี้ หลี่เหวยหยวนก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่ง กลางหว่างคิ้วปรากฏความอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย
“ทำไมไม่รอข้าอยู่ในที่ร่ม” เขาเอ่ยถามอย่างอบอุ่น ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปกุมมือซ้ายของนาง ก่อนจะจับจูงนางเดินไปที่ใต้ต้นอิ๋นซิ่งอย่างช้าๆ
ในการสอบเตี้ยนซื่อ ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งบัณฑิตเอกขั้นหนึ่งลำดับสองให้ฉุนอวี๋ฉี ตอนนี้อีกฝ่ายรับตำแหน่งอยู่ในสำนักราชบัณฑิตเช่นเดียวกันกับหลี่เหวยหยวน ทั้งสองคนถือเป็นเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นต่อให้ในใจจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อได้พบกันย่อมยังต้องพูดคุยกันตามมารยาท
“ใต้เท้าฉุนอวี๋” หลี่เหวยหยวนประสานมือคารวะ เอ่ยทักทายเขาตามมารยาทอย่างห่างเหิน “วันนี้เป็นเทศกาลตวนอู่ ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกับท่านที่วัดเฉิงเอินแห่งนี้ ใต้เท้าฉุนอวี๋เองก็มาจุดธูปไหว้พระเช่นกันหรือ”
ฉุนอวี๋ฉีไม่ได้ตอบกลับมา สายตาของเขามองไปยังหลี่หลิงหว่าน
วันนี้อากาศร้อน หลี่หลิงหว่านจึงสวมอาภรณ์อย่างเรียบง่าย เสื้อตัวสั้นสีชมพูอ่อนปักลายกิ่งท้อ กระโปรงหลัวฉวินสีขาว แต่สายคาดเอวสีแดงสดปักลายผีเสื้อสีทองกับดอกทับทิมสีแดงบนมวยผมนางดอกนั้นกลับสะดุดตาผู้คนได้ในชั่วพริบตา
ฉุนอวี๋ฉีเพิ่งพบว่าทุกครั้งที่เขาได้พบกับหลี่หลิงหว่าน ไม่รู้เป็นเพราะอะไรสายตาของเขาจึงเอาแต่รั้งอยู่บนร่างนางโดยไม่ละจากไปไหน ทว่าทุกครั้งนางล้วนแสดงออกว่าอาลัยอาวรณ์หลี่เหวยหยวนมากกว่าเล็กน้อยเสมอ
ดั่งเช่นในยามนี้ เมื่อหลี่หลิงหว่านเห็นหลี่เหวยหยวนออกมา ปฏิกิริยาแรกของนางคือการวิ่งไปหาเขา ต่อมายังได้เห็นหลี่เหวยหยวนปฏิบัติต่อนางอย่างใกล้ชิดสนิทสนม สายตาที่มองนางก็อ่อนโยนลุ่มหลง ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เมื่อเห็นพวกเขาสนิทสนมกันเช่นนี้ ในใจฉุนอวี๋ฉียังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง
หลี่เหวยหยวนย่อมมีความคิดความอ่านที่ลึกซึ้ง เขาสัมผัสได้ว่าสายตาที่ฉุนอวี๋ฉีมองหลี่หลิงหว่านมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างซ่อนอยู่ ใบหน้าเขาพลันเคร่งขรึมลง พริบตาต่อมาก็ขยับตัวน้อยๆ มาบดบังที่เบื้องหน้าหลี่หลิงหว่าน บดบังสายตาของฉุนอวี๋ฉีในทันที ขณะเดียวกันยังยื่นมือออกไปจับมือหลี่หลิงหว่านราวกับต้องการประกาศสิทธิ์ในการครอบครองอย่างไรอย่างนั้น
ฉุนอวี๋ฉีเห็นเช่นนั้นดวงตาก็หรี่ลงน้อยๆ
ที่ผ่านมาความรู้สึกยามปกติที่ฉุนอวี๋ฉีมอบให้ผู้คนล้วนอบอุ่นอ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ แต่ยามนี้เมื่อเขาหรี่ตาลง แววตากลับทอประกายเย็นชาออกมาเล็กน้อย