ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 11-12
ยามที่หลี่เหวยหยวนมองกระดาษในมือ ในใจก็มีแต่ความตกตะลึง
เมื่อย้อนคิดไปถึงตอนที่อยู่ในร้านขายเครื่องประดับวันนั้นอย่างละเอียดแล้ว เขาจำได้ว่าบนผนังแขวนพิณคันหนึ่งเอาไว้จริงๆ ยามนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าพิณคันนั้นมีอยู่สิบสามสายเช่นกัน แม้จะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้สนใจนัก ไฉนเลยจะล่วงรู้ว่าภายในนั้นจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ซ่อนอยู่
ยามนั้นหลี่หลิงหว่านจะต้องพบกลไกลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นแล้วอย่างแน่นอน เพราะเขาจำได้ว่าตอนนั้นนางมีช่วงเวลาที่เหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
หลี่เหวยหยวนเงยหน้ามองหลี่หลิงหว่าน คิ้วของนางยังคงขมวดเข้าหากัน ทั้งยังก้มหน้าน้อยๆ กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เมื่อคิดว่านับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เรื่องนี้อยู่ในใจนางมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ในที่สุดยามนี้นางก็ตัดสินใจบอกเขาเสียที เมื่อเทียบกับการที่กำลังจะได้สำนักหวงจี๋อันแสนร้ายกาจขนาดนี้ เรื่องที่ทำให้เขารู้สึกปีติยินดีอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าก็คือการที่หลี่หลิงหว่านค่อยๆ เริ่มเชื่อใจเขาแล้ว มิฉะนั้นนางคงไม่บอกความลับเช่นนี้ให้เขารู้
หลี่เหวยหยวนยื่นมือออกไปกุมมือหลี่หลิงหว่านแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนและมั่นคง “หว่านวาน ตลอดชีวิตนี้ข้าไม่มีวันทรยศเจ้าเป็นอันขาด”
หลี่หลิงหว่านชะงักงัน เหตุใดถึงรู้สึกว่าประโยคนี้มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่เล่า ทว่าต่อมานางก็รีบร้อนชี้แจง “นี่เป็นเรื่องที่ท่านปู่ในความฝันบอกให้ข้านำมาถ่ายทอดกับพี่เจ้าค่ะ ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย ข้าจะรู้เรื่องราวมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร”
หลี่เหวยหยวนเพียงยิ้มไม่เอ่ยวาจา
จะต้องมีสักวันที่นางเชื่อมั่นในตัวเขาทั้งใจ จากนั้นนางก็จะบอกความเป็นมาของนาง เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่นางรู้แก่เขา และก่อนจะถึงวันนั้นเขาก็เลือกที่จะรอ…รอวันที่นางจะเปิดใจให้เขาทั้งหมด
กระนั้นหลี่หลิงหว่านก็ยังไม่วางใจ นางจึงเอ่ยกำชับเรื่องที่ควรระวังอื่นๆ แก่หลี่เหวยหยวนอย่างละเอียด เขาเพียงอมยิ้มและตอบรับในทุกๆ เรื่อง จากนั้นก็พูดกับนาง ให้นางไม่ต้องเชื่อฟังคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าที่ให้ไปหาท่านเจ้าอาวาส
ชัดเจนยิ่งว่าท่านเจ้าอาวาสกระจ่างแจ้งถึงความเป็นมาของหลี่หลิงหว่าน แม้ฉุนอวี๋ฉีจะยังไม่รู้ถึงที่มาของนาง แต่เมื่อครู่ที่อุโบสถใหญ่ได้เห็นท่าทีที่ท่านเจ้าอาวาสปฏิบัติต่อหลี่หลิงหว่านแล้ว ในใจอีกฝ่ายจะต้องรู้สึกสงสัยนางอย่างแน่นอน หากยามนี้หลี่หลิงหว่านไปหาท่านเจ้าอาวาส ที่หลี่เหวยหยวนนึกกลัวก็คือตั๊กแตนจ้องจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง* ยามนี้การเคลื่อนไหวย่อมมิสู้อยู่นิ่งเฉย ให้ฉุนอวี๋ฉีคาดเดาไปเองดีกว่า
ความจริงแล้วหลี่หลิงหว่านเองก็ไม่คิดไปหาท่านเจ้าอาวาส
นางรู้สึกว่าตัวตนของท่านเจ้าอาวาสเป็นดั่งกระจกสะท้อนมารอย่างไรอย่างนั้น ความจริงในใจนางรู้สึกหวาดกลัวเขายิ่ง เพียงแต่โชคดีที่ประโยครู้แจ้งไม่กล่าวแจ้งที่นางเอ่ยออกไปก่อนหน้านี้คล้ายว่าท่านเจ้าอาวาสจะรับฟังเข้าไปแล้ว เขาไม่น่าจะเปิดโปงเรื่องราวใดๆ ที่เกี่ยวกับนางเร็วๆ นี้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในใจนางก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี ดังนั้นมิสู้ไม่พบไปเสียเลย ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าทางด้านนั้น เพียงคิดหาคำโป้ปดตบตาให้ผ่านไปก็พอแล้ว
หลังได้ยินหลี่หลิงหว่านรับปากว่าจะไม่ไปหาท่านเจ้าอาวาสแล้ว ในใจหลี่เหวยหยวนก็วางใจลงไม่น้อย เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วเขาจึงลุกขึ้นยืนเพื่อจะส่งนางกลับไป
แม้วันนี้ทุกคนในสกุลหลี่จะล้วนพักอยู่ในเรือนพักด้านหลังของวัดเฉิงเอิน แต่ก็ยังคงแบ่งแยกบุรุษสตรีอยู่คนละเรือนกัน ขณะที่หลี่เหวยหยวนจูงมือหลี่หลิงหว่านเดินออกจากเรือนแห่งนี้เพื่อจะส่งนางกลับไปยังเรือนที่สตรีพักอยู่ ทว่าเพิ่งออกจากประตูเรือนมาไม่นาน ฉับพลันก็ได้ยินเสียงหวีดร้องดังขึ้นมาในความมืดอันเงียบสงบ ต่อมาก็ได้ยินเสียงบางสิ่งตกกระทบน้ำดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงร้อง “ช่วยด้วย! ใครก็ได้รีบมาเร็วเข้า มีคนตกน้ำ!”
หลี่หลิงหว่านฟังออกว่าเป็นเสียงของหลี่หลิงเจียวก็รู้สึกตระหนก ยามนั้นยังได้ยินเสียงหลี่หลิงเจียวตะโกนร่ำไห้ว่า “พี่สาม น้องเจ็ด พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หลี่หลิงเยี่ยนกับหลี่หลิงเจวียน? ดึกดื่นแล้วพวกนางจะวิ่งมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ทั้งยังตกน้ำไปทั้งคู่อีกด้วย
หลี่หลิงหว่านรีบร้อนจะไปดู แต่ถูกหลี่เหวยหยวนฉุดรั้งเอาไว้ ทั้งยังส่ายศีรษะให้นาง บอกให้นางไม่ต้องไป
แค่หลี่หลิงเจียวคนเดียวก็ช่างเถอะ แต่หลี่หลิงเยี่ยนเป็นคนที่มีความคิดความอ่านลึกซึ้งคนหนึ่ง ต่อให้ยามปกติจะเสแสร้งทำดีเพียงใด หลี่เหวยหยวนก็ยังมองออกถึงความเป็นอริที่นางมีต่อหลี่หลิงหว่าน บางทีอาจกำลังต้องการหาเรื่องอะไรมาใส่ร้ายหลี่หลิงหว่านอยู่ก็ได้ ยิ่งยามนี้ดึกดื่นค่อนคืน จู่ๆ ก็ตกน้ำโดยไร้สาเหตุเช่นนี้ หากหลี่หลิงหว่านไปแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าหลี่หลิงเยี่ยนจะเอ่ยวาจาเช่นไรบ้าง เพื่อป้องกันอย่างรัดกุมควรจะให้หลี่หลิงหว่านอยู่ห่างจากที่นั่นหน่อยดีกว่า
หลี่หลิงหว่านยังคงเป็นกังวล “พวกนางจะเป็นอะไรหรือไม่”
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสองชีวิต การมองดูพวกนางตกน้ำแล้วหมุนตัวจากไปโดยไม่ทำอะไรเช่นนี้นางทำไม่ได้จริงๆ
“ไม่ถึงตายหรอก” ยามนี้หลี่เหวยหยวนกลับมองไปข้างหน้า น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “มีคนอยู่ตรงนั้น”
หลี่หลิงหว่านก็มองตามสายตาเขาไป ก่อนจะเห็นว่าเบื้องหน้าบริเวณใต้ต้นการบูรมีเงาของคนสองคนยืนอยู่จริงๆ
หนึ่งในนั้นสวมเสื้อหลันซันสีฟ้านวล แม้จะเป็นแค่เงาแผ่นหลัง แต่ก็สูงสง่าดุจต้นไผ่
เป็นฉุนอวี๋ฉีกับผู้ติดตามข้างกายเขา? หลี่หลิงหว่านพลันเกิดความสงสัย ดึกขนาดนี้แล้ว เขามาทำอะไรที่นี่
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)