ในใจยังคิดอย่างบ้าคลั่งว่ายากนักที่จะมีคนยินยอมเข้าใกล้และประจบเขาเช่นนี้ เช่นนั้นในภายภาคหน้าต่อให้ต้องตายเขาก็จะไม่ยอมปล่อยมือ ทว่าจะดึงนางไปด้วยกันเสียเลย
บาดแผลบนร่างกายหลี่เหวยหยวนไม่ได้มีเพียงที่ลำคอเท่านั้น ทว่ายังมีที่หน้าอก โดยเฉพาะยิ่งมีมากที่แผ่นหลังของเขา ยังดีที่ยามนี้เป็นฤดูหนาว อาภรณ์ที่เขาสวมใส่ภายนอกจึงมีหลายชิ้นและตัวชุดก็หนา อีกทั้งเรี่ยวแรงของตู้ซื่อก็ไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้นบาดแผลที่หน้าอกกับแผ่นหลังของเขาจึงไม่ได้ลึกเท่ากับบาดแผลที่ลำคอ
ทว่าเมื่อเห็นบนผิวขาวกระจ่างมีรอยแส้เกยทับกันเป็นเส้นๆ เช่นนี้ก็ทำให้คนตื่นตกใจไม่น้อย
รอยแส้บริเวณหน้าอกเหล่านั้นหลี่เหวยหยวนยังสามารถหยิบยามาทาด้วยตนเองได้ แต่รอยบริเวณแผ่นหลังพวกนั้น…
เดิมทีหลี่หลิงหว่านวางแผนแค่จะช่วยทายาตรงรอยแส้สองรอยบริเวณลำคอให้เขาเท่านั้น แสดงความห่วงใยต่อเขาสักเล็กน้อยก็พอแล้ว ส่วนพวกรอยแส้อื่นๆ บนร่างกายเขานั้นให้เสี่ยวซานเป็นคนทาก็ได้จริงหรือไม่
ทว่าหลี่เหวยหยวนกลับไม่พอใจ
เมื่อครู่นางยื่นตลับยาไปให้เสี่ยวซาน กำชับให้ช่วยทายาตรงรอยแส้บนร่างกายคุณชายใหญ่ เสี่ยวซานเองก็รับคำแล้ว ทว่ายังไม่ทันได้เข้าใกล้หลี่เหวยหยวนก็ถูกสายตาเย็นชาของเขาทำให้ตกใจจนถอยร่นกลับมาสองก้าวเสียก่อน แม้แต่ตลับยาในมือก็เกือบจะตกลงพื้น
เห็นได้ชัดว่าหลี่เหวยหยวนไม่อยากให้เสี่ยวซานช่วยทายาให้ แต่เขาก็ยังปากแข็งไม่ยอมเอ่ยปากให้หลี่หลิงหว่านเป็นคนทาให้ เอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็ก ในมือถือไม้คีบปลายทองแดงเขี่ยถ่านในกระถางไฟไปมาอย่างรุนแรง กระทั่งถ่านในกระถางไฟแทบจะถูกเขาป่นเป็นผงหมดแล้วจริงๆ
หลี่หลิงหว่านไม่รู้ว่าเขากำลังเอาแต่ใจอะไรอีก นางคิดแล้วจึงเอ่ยถามเขาอย่างระมัดระวัง “พี่ชาย บาดแผลบนร่างของพี่…เจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ็บ” หนนี้หลี่เหวยหยวนตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังคล้ายแฝงไปด้วยความแค้นอันลึกล้ำ คำคำนี้แทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา
หลี่หลิงหว่านรู้สึกโมโห ให้ตายเถอะ เจ้าเจ็บข้าก็จะให้เสี่ยวซานช่วยทายาให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดเจ้าถึงได้ถลึงตามองนางอย่างดุร้ายเช่นนั้นด้วย ทำเอานางตกใจจนยามนี้หลบอยู่หลังข้าแล้ว ตัวสั่นไปทั้งร่างราวกับลูกนกกลางสายฝนอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเดินขึ้นหน้าไปสักก้าว
หลี่หลิงหว่านข่มกลั้นโทสะลงไปในท้อง ก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอีกครั้ง “เช่นนั้นข้าให้เสี่ยวซานทายาให้พี่?”
ไม้คีบปลายทองแดงในมือหลี่เหวยหยวนแทงถ่านก้อนหนึ่งในกระถางไฟอย่างรุนแรง ทำเอาถ่านก้อนนั้นแตกออกเป็นหลายท่อน กลายเป็นสะเก็ดไฟกระจายไปรอบทิศทันที
“ไม่ต้อง!” สองคำนี้ราวกับเต็มไปด้วยความแค้นอันลึกล้ำ เบียดลอดไรฟันออกมาจริงๆ
หลี่หลิงหว่านอยากจะพุ่งขึ้นหน้าไปใช้ฝ่ามือทักทายศีรษะเขาแล้วจริงๆ ยังมาพูดว่าเจ็บอีกหรือ พอบอกจะช่วยทายาให้เจ้า ตัวเจ้าก็ดันบอกว่าไม่ต้องเสียนี่ ให้ตายเถอะ เจ้าอย่าได้ทำตัวให้รับใช้ยากเย็นถึงเพียงนี้ได้หรือไม่
หลี่หลิงหว่านเองก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว นางโกรธขึ้นมาแล้วเช่นกัน ได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็กโดยไม่ขยับเคลื่อนไหว
อยากเจ็บก็เจ็บไปเถอะ เจ็บจนตายไปเสียเลย ถึงอย่างไรไม่ใช่ข้าที่เจ็บก็พอ
หลี่เหวยหยวนเห็นหลี่หลิงหว่านไม่พูดไม่จาอีกจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตาเหลือบมองนางอย่างรวดเร็วจนใครก็จับสังเกตไม่ทัน
เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงโกรธแล้ว ริมฝีปากนางเม้มแน่น สีหน้าขมวดมุ่นราวกับว่าจะมีพายุมาเยือน คล้ายกับว่าหากใครกล้าไปหาเรื่องนางในตอนนี้ นางก็กล้าจัดการกับคนผู้นั้น
ทว่าหลี่เหวยหยวนไม่ได้เกรงกลัวหลี่หลิงหว่านเลย ในใจเขาคาดเดาได้ว่านางจะต้องมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะขอร้องเขาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นหลายวันมานี้นางคงไม่เข้าใกล้เขา กระทั่งประจบประแจงเขาทั้งๆ ที่หวาดกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้
เขาขยับไม้คีบปลายทองแดงในมือแทงถ่านในกระถางไฟต่อไป สะเก็ดไฟปะทุขึ้นมาเป็นสาย
หลี่หลิงหว่านเพียงทำเหมือนไม่เห็น นางยังเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่เฉยๆ ริมฝีปากเม้มสนิท
เสี่ยวซานนั่งมองพวกเขาอย่างอกสั่นขวัญผวาอยู่ที่ด้านข้าง เหตุใดจึงรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังเอาชนะกันอย่างไรอย่างนั้น ที่สุดแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะก่อนกันแน่นะ
ความเป็นจริงช่วยยืนยันให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วยังคงเป็นหลี่หลิงหว่านที่พ่ายแพ้อยู่ดี นางถอนหายใจยาวออกมาในใจคำรบหนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลี่เหวยหยวน น้ำเสียงอ่อนหวานตามเดิม “พี่ชาย พี่อยากจะทำอย่างไรกันแน่ พี่ไม่ให้เสี่ยวซานช่วยทายาให้พี่ เช่นนั้นข้าช่วยพี่ทาดีหรือไม่เจ้าคะ”
เมื่อเห็นหลี่หลิงหว่านยอมเปิดปากคุยกับเขาแล้วในที่สุด มือที่กำไม้คีบปลายทองแดงของหลี่เหวยหยวนจึงคลายลง ขณะเดียวกันในใจเขาก็รู้สึกโล่งอก
“ดี”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)