ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! บทที่ 6-7
ประตูเรือนถูกเปิดออกแล้ว
หลี่หลิงหว่านในใจยินดี นางรีบหันหน้ากลับไปมอง
ท่ามกลางหิมะโปรยปรายที่ขวางกั้นเอาไว้ เพียงมองตรงไปนางก็เห็นหลี่เหวยหยวนยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ในที่สุดเขาก็ยอมออกมาแล้วไหมเล่า
หลี่หลิงหว่านในใจยินดียิ่ง รีบหันตัววิ่งกลับไปหาเขาพร้อมเอ่ยอย่างมีความสุข “พี่ชาย ในที่สุดพี่ก็ยอมออกมาเจอข้าแล้วหรือ”
พริบตาต่อมาหลี่หลิงหว่านก็เห็นหลี่เหวยหยวนก้มตัวลงหยิบห่อผ้าที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นสูงแล้วโยนของในมือมายังทิศที่นางอยู่ คำพูดที่ออกมาจากปากก็เย็นชายิ่งนัก “เอากลับไปซะ ข้าไม่ต้องการการกระทำที่เสแสร้งไม่จริงใจและมีแต่มารยาของเจ้า!”
หลี่หลิงหว่านนิ่งอึ้งก่อนจะเม้มปาก แล้วสาวเท้าเดินไปด้านข้างอย่างช้าๆ
ห่อผ้าไม่ได้ห่ออย่างแน่นหนานัก หลี่เหวยหยวนโยนมาเช่นนี้ ยามที่ห่อผ้าตกลงบนพื้นหิมะ รองเท้าหุ้มข้อในนั้นก็หล่นออกมาข้างหนึ่ง ทำให้เลอะหิมะจำนวนมาก
หลี่หลิงหว่านหลุบตาลงมองห่อผ้ากับรองเท้าหุ้มข้อข้างนั้นที่หล่นออกมาบนพื้นหิมะ พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองให้เป็นปกติ ที่จริงนางเองก็หงุดหงิดมากเช่นกัน ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ท่ามกลางหิมะโปรยปราย นางตั้งใจวิ่งออกมาส่งความอบอุ่นให้ด้วยความปรารถนาดี ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูตลอดเรื่องนี้ยังไม่พูดถึง ทว่ากระทั่งชุดกันหนาวกับรองเท้าหุ้มข้อที่นำมาให้เขาในวันนี้ยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ไปด้วย
ชั่วขณะนั้นหลี่หลิงหว่านอยากจะหมุนตัวแล้วเดินจากไปจริงๆ ใครยังสนเรื่องที่ว่าตนเองในวันหน้าจะถูกบุคคลตรงหน้านี้ฆ่าตายอีก อย่างน้อยในยามนี้นางก็ยังมีอิสรเสรีเป็นของตนเองอยู่
ทว่าอารมณ์เสียก็ส่วนอารมณ์เสีย สุดท้ายนางยังคงก้มตัวลงนั่งยองแล้วยื่นมือไปเก็บรองเท้าหุ้มข้อข้างนั้นบนพื้นหิมะขึ้นมา ทั้งยังปัดหิมะที่เลอะบนรองเท้าทำความสะอาดให้อย่างใส่ใจ
จากนั้นนางก็เก็บห่อผ้าขึ้นมาปัดหิมะบนนั้นออกให้จนสะอาด นำมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเดินย่ำหิมะไปหาหลี่เหวยหยวน
หลังจากที่เขาโยนห่อผ้าทิ้งไปแล้วก็ไม่ได้หันร่างกลับเข้าไปในเรือน แต่ยังคงยืนแผ่นหลังตั้งตระหง่านอยู่หน้าประตูเรือนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
บนศีรษะกับบ่าของเขาล้วนเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ มือที่กำเป็นหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัวมีสีแดงก่ำ ชุดจื๋อตัวสีน้ำเงินบนร่างมีรอยขาดอยู่หลายจุด บนรองเท้าผ้าคู่นั้นก็เต็มไปด้วยหิมะ บางทีอาจจะมีหิมะที่ละลายเปียกชื้นไปถึงเท้าของเขาแล้วก็ได้
หลี่หลิงหว่านพลันรู้สึกว่าหลี่เหวยหยวนที่เป็นเช่นนี้มิต่างจากเด็กที่เอาใจยากคนหนึ่งเลย เป็นเพราะสิ่งที่เขาได้รับมาจากคนรอบข้างเมื่อก่อนนี้ล้วนมีแต่ประสงค์ร้าย จู่ๆ ก็มีคนทำดีกับเขาขึ้นมา หลี่เหวยหยวนย่อมรู้สึกว่าอีกฝ่ายเสแสร้งแกล้งทำ
ความจริงข้าก็เสแสร้งแกล้งทำอยู่จริงๆ
คิดมาถึงตรงนี้หลี่หลิงหว่านก็รู้สึกว่าตนเองเกลียดหลี่เหวยหยวนไม่ลง และไม่รู้ว่าจะเกลียดเขาไปทำไมด้วย ในเมื่อสภาพรันทดของเขาตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้ล้วนเป็นนางที่เขียนขึ้นมาเอง
หลี่หลิงหว่านทอดถอนใจอยู่ในใจรอบหนึ่ง ก่อนจะหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าหลี่เหวยหยวนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ชาย ต่อให้ในใจพี่จะไม่ชอบข้า หรือจะเกลียดข้ามากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ทว่าพี่ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้กับตนเองกระมัง นี่…” นางชี้ไปยังเสื้อผ้ากับรองเท้าของเขา “ถ้าถูกความเย็นมากๆ เข้าจะไม่สบายเอาได้ พี่ลองคิดดู ถ้าพี่ป่วยแล้วจะมีใครมาสนใจพี่หรือเจ้าคะ ถึงตอนนั้นเกิดพี่ป่วยตายไปทั้งแบบนี้ พี่คิดว่าจะมีคนมาร้องไห้เสียใจให้กับพี่หรือ”
ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ยอมฟัง เช่นนั้นนางก็ต้องใช้คำพูดที่ฟังดูโหดร้ายหน่อยแล้ว ในใจนางรู้สึกว่าคนเช่นหลี่เหวยหยวนนี้จะต้องปรารถนาที่จะเอาตัวรอดอย่างรุนแรงมากแน่ มีเพียงยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นจึงจะสามารถแก้แค้นความยากลำบากเหล่านั้นที่เขาเคยได้รับมาได้ หากว่าตายไปแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ล้วนไม่มีประโยชน์
หลี่เหวยหยวนได้ยินแล้วไม่พูดอะไร เพียงก้มหน้ามองดูรองเท้าตนเองซึ่งน้ำจากหิมะซึมเปียกไปทั้งรองเท้านานแล้ว ตอนนี้เท้าของเขาถูกความเย็นกัดจนแข็งกระด้าง ไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ
หลี่หลิงหว่านคาดเดาว่าเขาน่าจะหวั่นไหวไปกับคำพูดของตนเองแล้ว ดังนั้นนางจึงส่งห่อผ้าในอ้อมกอดไปให้ “พี่ชาย ถึงพี่จะรับชุดกันหนาวชุดนี้กับรองเท้าหุ้มข้อคู่นี้ไป ในใจพี่ก็ยังไม่ชอบข้าหรือเกลียดข้าต่อไปได้มิใช่หรือเจ้าคะ ข้าไม่ได้บอกว่าหลังจากที่พี่รับของไปแล้ว นับจากนี้ต่อไปพี่จะต้องชอบข้าเสียหน่อย”
กระนั้นหลี่หลิงหว่านก็ไม่เชื่อที่ตนเองพูดไปเท่าไรนัก เพราะหากหลี่เหวยหยวนรับของที่นางนำมาให้นี้ไปแล้วจริงๆ ในใจเขาย่อมไม่มีทางเคียดแค้นนางเท่ากับก่อนหน้านี้อีก ต่อให้ยังมีความแค้นอยู่ ทว่าระดับความแค้นก็ย่อมลดน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนแน่ ในวันหน้าขอเพียงนางทำดีกับหลี่เหวยหยวนอย่างต่อเนื่อง ความแค้นในใจเขาที่เคยมีต่อนางก็จะค่อยๆ เจือจางจนสลายหายไปในที่สุด ถึงยามนั้นนอกจากนางจะไม่ตายแล้ว ไม่แน่เขาอาจจะห่วงใยนางก็เป็นได้ หลี่เหวยหยวนจะไม่กลายเป็นคนวิปริตแสนอำมหิตคนนั้นในนิยายอีกต่อไป และกลายเป็นเพียงลูกแกะตัวน้อยที่อบอุ่นไร้ซึ่งพิษภัยแทน คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของหลี่หลิงหว่านก็อดปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“พี่ชาย” น้ำเสียงของนางฟังดูอ่อนหวานปราศจากความร้ายกาจ “นี่เป็นความจริงใจที่น้องสาวมีต่อพี่ชาย พี่ชายโปรดรับความจริงใจนี้ของข้าไปเถอะนะเจ้าคะ”
หากเจ้ายังไม่รับไว้อีก เช่นนั้นข้าก็จะร้องไห้ใส่เจ้าแล้วนะ!