หลี่เหวยหยวนไม่ได้เคลื่อนไหว เขาเพียงมองไปยังหลี่หลิงหว่าน เอ่ยถามนางอย่างสงบนิ่งยิ่ง “เหตุใดเจ้าถึงมาทำดีกับข้าเช่นนี้”
“เป็นเพราะข้ารู้สึกละอายใจต่อพี่ชายเจ้าค่ะ” หลี่หลิงหว่านตอบกลับอย่างจริงใจ ประโยคนี้นางเอ่ยออกมาจากใจจริง เดิมทีนางก็คือคนที่ก่อให้เกิดความทุกข์ยากตลอดชีวิตของหลี่เหวยหยวน นางในตอนนั้นไม่ควรไร้สติจนคิดสร้างตัวละครเช่นนี้ออกมาแต่แรกอยู่แล้ว
หลี่เหวยหยวนมองหลี่หลิงหว่านนิ่งๆ ราวกับจะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่หลังประโยคนั้นบนใบหน้าของนาง
หลี่หลิงหว่านสบสายตาของเขาอย่างปราศจากความเกรงกลัว ยินดีที่จะให้เขามองอย่างใจกว้าง
หลี่เหวยหยวนมองนางอยู่สักพักก่อนจะเบือนหน้าหลบ หันไปเอ่ยสั่งจิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเสียงเบา “รับห่อผ้าที่อยู่ในมือของคุณหนูสามมา”
จิ่นเหยียนรับคำอย่างนอบน้อมแล้วเดินขึ้นหน้ามา ยื่นสองมือออกไปรับห่อผ้าที่อยู่ในมือของหลี่หลิงหว่าน
ในใจหลี่หลิงหว่านยินดียิ่ง แววตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แม้หลี่เหวยหยวนจะเบือนหน้ามองไปทางต้นไผ่ซึ่งเต็มไปด้วยหิมะที่ด้านข้างประตู แต่ก็ยังเปิดปากเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “แม้ข้าจะรับชุดกับรองเท้าของเจ้ามา แต่เจ้าไม่ต้องหวังหรอกนะว่าในใจข้าจะรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเจ้า ก็เป็นเช่นที่เจ้าพูดมา ข้าแค่ไม่อยากตายเท่านั้น”
เจ้าเด็กเอาใจยากคนนี้นี่!
ทว่าฉากหน้าหลี่หลิงหว่านยังคงผงกศีรษะ ยิ้มรับอย่างสดใสพลางเอ่ย “พี่ชาย ข้าเข้าใจดีเจ้าค่ะ”
หลี่เหวยหยวนยังคงไม่มองหลี่หลิงหว่าน แต่ดีหน่อยที่เขายังคงผงกศีรษะรับด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ในเมื่อส่งของเรียบร้อย ยามนี้เจ้าก็น่าจะกลับไปได้แล้วกระมัง”
แม้น้ำเสียงของเขาจะเรียบเฉย ทั้งยังมีเจตนาที่จะไล่แขก แต่หลี่หลิงหว่านไม่ถือสาแม้แต่นิดเดียว นางลอบชูสองนิ้วให้ตนเองในใจ เยี่ยม! ข้าเอาชนะในศึกแรกได้แล้ว
หลี่หลิงหว่านเอ่ยลาหลี่เหวยหยวนอย่างมีความสุข ก่อนจะให้เสี่ยวซานประคองมือแล้วหมุนตัวเดินกลับไป
หลังเดินออกมาไม่กี่ก้าวนางก็คิดว่าในใจหลี่เหวยหยวนยามนี้คงจะมีอาการหวั่นไหวต่อนางบ้างแล้ว จากนี้นางก็ควรจะจู่โจมเขาหนักกว่านี้ใช่หรือไม่ ให้เขารู้สึกผิดต่อนางบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าเกิดว่าในใจหลี่เหวยหยวนเกิดความรู้สึกผิดต่อนางแล้ว ขอแค่สักเล็กน้อยก็ยังดี อย่างน้อยในภายภาคหน้ายามที่นางจู่โจมเขาอีกครั้งก็น่าจะง่ายขึ้นมาก…
ชั่วขณะต่อมา ยามที่หลี่เหวยหยวนกำลังหันหลังกลับเข้าไปในเรือนก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเสี่ยวซานดังขึ้น “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป อย่าทำให้บ่าวตกใจเช่นนี้สิเจ้าคะ!”
หลี่เหวยหยวนได้ยินแล้วก็หันร่างกลับมา เขาเห็นร่างเล็กๆ นั้นล้มลงบนพื้นหิมะไปแล้ว
หิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก รอบด้านล้วนเป็นสีขาวโพลนไร้ขอบเขต มีเพียงเงาร่างนั้นที่เป็นแต้มสีแดงชัดเจน ทว่าสีแดงที่สดถึงเพียงนั้นยามอยู่บนร่างของนางแล้วกลับดูเหมาะสมยิ่งนัก องคาพยพทั้งห้าก็ช่างงดงามจนชวนให้ผู้คนลืมไม่ลง
หลี่เหวยหยวนสาวเท้าเดินเข้าไปหา ทว่าในสมองกลับปรากฏภาพในอดีตที่หลี่หลิงหว่านเคยกระทำต่อเขาขึ้นมาอีกครั้ง
มือหนึ่งเท้าสะเอว สองคิ้วเลิกสูง ปลายคางเชิดขึ้น น้ำเสียงทั้งดูถูกและไม่แยแสผสมกัน คอยเรียกเขาว่าเจ้าขยะ ทั้งลอบโยนก้อนหินเล็กๆ ใส่เขาจากทางด้านหลัง ซ้ำยังเคยฆ่าแมวที่เขาเลี้ยงเมื่อตอนเด็กตายไปตัวหนึ่ง
ตอนนั้นเขายังเด็ก ถูกตู้ซื่อทุบตีอย่างอำมหิต และถูกคนในจวนสกุลหลี่ดูถูกเหยียดหยาม ในใจโศกเศร้ายากจะทานทน เวลาดึกดื่นก็ข่มตาหลับไม่ลง มีเพียงยามที่กอดลูกแมวตัวนั้นไว้เขาถึงจะสัมผัสได้ว่าตนเองยังเป็นคนที่มีชีวิตอยู่
ทั้งที่มีลูกแมวไว้เป็นที่พึ่งทางใจแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าหลี่หลิงหว่าน หลี่เหวยหลิง กับหลี่หลิงเจียวไปเห็นลูกแมวของเขาได้อย่างไร ทั้งสามคนนั้นสั่งให้พวกบ่าวชายกับสาวใช้ฆ่าลูกแมวตัวนั้นต่อหน้าเขา นึกถึงตรงนี้มือของหลี่เหวยหยวนก็กำเป็นหมัดแน่น ปลายเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อ
เสี่ยวซานยังคงร้องไห้พร้อมกับเขย่าร่างของหลี่หลิงหว่านที่อยู่บนพื้นหิมะ เอ่ยเรียกคุณหนูแล้วก็หันกลับมาทางหลี่เหวยหยวนพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณชายใหญ่ คุณหนูหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านรีบมาดูคุณหนูเร็วเข้า”
จิ่นเหยียนที่อยู่ด้านหลังหลี่เหวยหยวนก็เดินขึ้นหน้ามาอีกก้าวหนึ่ง ส่งเสียงเรียกคุณชายคำหนึ่งด้วยความลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากให้คุณชายของตนเข้าไปดูคนด้วยเช่นกัน
หางตาของหลี่เหวยหยวนเหลือบไปเห็นห่อผ้าที่ถืออยู่ในมือจิ่นเหยียน ในใจจึงคิดว่า ช่างเถอะ ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนสำหรับชุดกันหนาวกับรองเท้าหุ้มข้อที่วันนี้ได้รับมาจากนางแล้วกัน
เขาไม่ลังเลอีก สาวเท้าเร็วตรงเข้าไปหาหลี่หลิงหว่านกับเสี่ยวซาน