บทที่สาม
เส้นทางในยามกลางคืนยากจะเดินแล้วก็ยากจะแยกแยะ หลี่หลิงหว่านอาศัยภาพของแผนที่จวนสกุลหลี่ที่เคยวาดขึ้นมาช่วงแรกในสมอง ตามหาเรือนที่แยกโดดเดี่ยวแห่งนั้นอย่างยากลำบาก
รอจนเดินมาได้ประมาณหนึ่งก้านธูป ในที่สุดนางก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือนแห่งนั้น
อาศัยแสงจากดวงจันทร์และดวงดาวอันเลือนราง นางก็มองเห็นประตูของเรือนเล็กตรงหน้าปิดสนิท ด้านบนใส่แม่กุญแจทองแดงที่เต็มไปด้วยสนิมเขรอะตัวหนึ่ง กำแพงขาวที่กระดำกระด่างเต็มไปด้วยเถาผาซานหู่ ที่แห้งเหี่ยว มองดูแล้วให้ความรู้สึกรกร้างว่างเปล่า ทั้งยังน่าสยองขวัญเป็นที่สุด
ชั่วพริบตาหนึ่งหลี่หลิงหว่านรู้สึกอยากจะหมุนตัวจากไปจริงๆ แต่เมื่อครุ่นคิดแล้วนางยังคงกัดฟันเดินไปยังด้านข้างประตู มองหาก้อนอิฐก้อนที่สามทางด้านซ้าย จากนั้นจึงยกอิฐก้อนที่สี่ออกมาอย่างระมัดระวัง
ไม่ผิดไปจากที่คาด ข้างในนั้นมีกุญแจทองแดงวางเอาไว้ดอกหนึ่ง
นางยื่นมือออกไปหยิบกุญแจดอกนั้นแล้วเดินไปยังประตูเรือน ไขแม่กุญแจบนประตูออก จากนั้นผลักประตูก้าวเข้าไปในเรือน ทั้งยังหันกลับมาปิดบานประตูทั้งสองแล้วลงกลอน
ภายในเรือนไม่ได้จุดโคมจึงมืดสนิทไปทุกด้าน โชคดีที่ยามนี้เมฆสลาย ปรากฏแสงจันทร์อยู่บางส่วน หลี่หลิงหว่านสามารถมองเห็นเรือนผุพังตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ด้านข้างซ้ายขวาเป็นห้องรองที่เพดานเตี้ยและแคบ ส่วนภายในลานเรือนต้นไม้เหี่ยวเฉาตายไปนานแล้ว หญ้ารกร้างขึ้นจนเต็มพื้นที่ อีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงอากาศหนาวยะเยือก หญ้ารกเหล่านี้จึงกลายเป็นสีเหลืองแห้งเหี่ยว มองดูแล้วอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างยิ่ง
หลี่หลิงหว่านตั้งสติ ก่อนจะเดินด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาไปตามทางเดินหินตรงกลางลานมุ่งไปยังโถงหลักตรงหน้า แต่ต่อให้ฝีเท้านางเบายิ่งกว่านี้ คนที่อยู่ข้างในก็ยังคงได้ยิน
หลี่หลิงหว่านได้ยินเสียงแหบแห้งดังหวีดแหลมขึ้นมากะทันหัน “เจ้ามาทำไมอีก เมื่อครู่ยังโดนฟาดไม่พอ ยังอยากจะโดนฟาดอีกสักหนหรือ”
เมื่อหลี่หลิงหว่านได้ยิน ในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
เป็นตู้ซื่อที่ทำร้ายหลี่เหวยหยวนจริงๆ เสียด้วย ซ้ำยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น
ในใจรู้สึกโกรธ ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้สึกกลัว หลี่หลิงหว่านเดินตรงเข้าไป ก่อนจะยื่นมือออกไปผลักประตู
ประตูไม่ได้ลงกลอน เมื่อนางยื่นมือออกไปผลักประตูก็เปิดออกทันที เมื่อเสียงเอี๊ยดดังขึ้นในค่ำคืนกลางอากาศหนาวยะเยือกเช่นนี้ก็ยิ่งฟังดูน่าหวาดผวาเป็นพิเศษ
หลี่หลิงหว่านไม่ลังเลแต่อย่างใด นางยกเท้าข้ามธรณีประตูเข้าไปทันที
เดิมทีภายในห้องไม่ได้จุดโคมจึงมืดสนิทไปรอบด้าน ทว่ารอจนนางเดินเข้ามาแล้วก็เห็นแสงที่มุมห้องสว่างวาบ มีคนจุดตะเกียงน้ำมันที่วางอยู่บนโต๊ะ
แม้แสงจากตะเกียงน้ำมันจะเลือนรางแต่ก็เพียงพอให้มองเห็น