ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 3-4
นางเงยหน้ามองหลี่เหวยหยวนแล้วเอ่ยอย่างจริงใจยิ่ง “หว่านวานมีพี่ใหญ่ที่คอยเป็นห่วงดูแลนางเช่นนี้ ข้าที่เป็นมารดาก็รู้สึกวางใจ หว่านวานเด็กคนนี้มีชีวิตรันทด แม้นางมีบิดา แต่เจ้าเองก็รู้ว่ามีก็เหมือนไม่มี เกรงว่าในวันหน้าหว่านวานจะไม่อาจพึ่งพาอะไรเขาได้”
กล่าวมาถึงตรงนี้ดวงตาโจวซื่อก็มีหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาสองหยด นางรีบร้อนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ด จากนั้นก็มองไปยังหลี่เหวยหยวนแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนี้ข้าหวังว่าในอนาคตหว่านวานจะหาบ้านสามีที่ดีได้ แต่บิดาของนางไม่สนใจนาง ข้าผู้เป็นมารดาเองก็ไร้ประโยชน์ ไม่อาจส่งเสริมอะไรนางได้เลย หากว่านางสามารถหาบ้านสามีที่ดีได้ ข้าก็ยังกลัวว่าหลังจากที่นางย้ายไปอยู่บ้านสามีแล้วจะถูกแม่สามีกับสามีรังแก หลายวันมานี้ข้าครุ่นคิดดูแล้ว หยวนเกอเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนมีความสามารถ การสอบถงซื่อกับเซียงซื่อล้วนสามารถสอบได้เป็นอันดับหนึ่ง การสอบฮุ่ยซื่อในเดือนหน้าเจ้าเองก็ต้องสอบผ่านจนได้เป็นจิ้นซื่อตั้งแต่อายุยังน้อยแน่นอน ข้าคิดว่าวันหน้าหากเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว สามารถรักเอ็นดูหว่านวานน้องสาวผู้นี้บ้าง ก็จะไม่เป็นการเสียเปล่าต่อความผูกพันลึกซึ้งระหว่างพี่น้องของพวกเจ้าในตอนนี้”
หลี่เหวยหยวนฟังโจวซื่อพูดเรื่องพวกนี้ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
โจวซื่อยังคงกล่าวพิรี้พิไรต่อไป “เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราไปชมงิ้วดูดอกไม้ไฟที่จวนก่วงผิงโหว ข้าได้ยินว่าฮูหยินก่วงผิงโหวคล้ายจะมีเจตนาให้หว่านวานแต่งให้กับเหลียงซื่อจื่อของพวกนาง เกรงว่าอีกไม่กี่วันน่าจะมีแม่สื่อมาสู่ขอ เหลียงซื่อจื่อคนนั้นข้ามองดูแล้วก็เห็นว่าดี แม้จะถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจนนิสัยเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่หลายปีมานี้เขาก็ปฏิบัติต่อหว่านวานอย่างใส่ใจ อีกทั้งยามนี้เขายังเข้าร่วมในห้ากองกำลังรักษาเมือง มีก่วงผิงโหวคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อนาคตของเขาจะต้องไม่เลวแน่นอน หากหว่านวานสามารถแต่งให้กับเขาได้ ข้าเองก็ไม่มีอะไรไม่วางใจ แต่…”
ยังกล่าวไม่ทันจบโจวซื่อพลันได้ยินเสียงหลี่เหวยหยวนเอ่ยแทรกว่า “หว่านวานไม่อาจแต่งให้เหลียงซื่อจื่อ”
“อะไรนะ!” โจวซื่อตกใจ นางรีบร้อนเอ่ยถาม “ทำไมหว่านวานถึงแต่งให้เหลียงซื่อจื่อไม่ได้ เด็กคนนี้ได้บอกอะไรกับเจ้าเป็นการส่วนตัวหรือไม่ เฮ้อ ความจริงข้าเองก็รู้ ในใจหว่านวานอาจจะไม่เห็นเหลียงซื่อจื่ออยู่ในสายตา หลายปีมานี้ข้าเองก็สังเกตอยู่ ทันทีที่เหลียงซื่อจื่อมีโอกาสก็จะคิดเข้าใกล้หว่านวาน แต่หว่านวานทำเพียงหลบเลี่ยงเขา กระนั้นยามนี้ก็ไม่อาจมองหาตระกูลใดที่ดียิ่งกว่าจวนก่วงผิงโหวได้อีกแล้ว” กล่าวจบยังถอนหายใจแผ่วเบาออกมาอีกครั้ง
หลี่เหวยหยวนนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหลียงซื่อจื่อปกป้องหว่านวานไม่ได้ หว่านวานไม่อาจแต่งให้เขา เรื่องเช่นนี้หวังว่าวันหน้าท่านอาสะใภ้สามอย่าได้พูดขึ้นมาต่อหน้าหว่านวานอีกเลยขอรับ”
เขาไม่มีวันยอมให้หลี่หลิงหว่านแต่งงานกับผู้ใด นางทำได้เพียงแต่งให้กับเขา แล้วก็มีเพียงเขาที่สามารถปกป้องนางได้ หากเขาต้องการจะปกป้องนาง เขาก็ต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นมาจึงจะถูก
คิดมาถึงตรงนี้ มือที่ปล่อยอยู่ข้างกายของหลี่เหวยหยวนก็ค่อยๆ กำเป็นหมัด แววตาก็มุ่งมั่นขึ้นมา
เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รอจนเขาแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถแย่งชิงหลี่หลิงหว่านไปจากข้างกายเขาได้อีก…ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้ทั้งนั้น!
บ่าวหญิงใบ้ผู้รับผิดชอบส่งอาหารให้ตู้ซื่อทุกวันพบความผิดปกติบางอย่าง กล่องอาหารที่นางส่งเข้าไปผ่านช่องเล็กๆ ตลอดสองวันที่ผ่านมายังคงไม่มีผู้ใดมาเอาไป นางเดินไปเคาะประตู ทว่าภายในเรือนกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลยสักนิดเดียว สุดท้ายบ่าวหญิงใบ้ผู้นี้รู้สึกกลัว จึงรีบวิ่งมาหาฮูหยินผู้เฒ่า
เป็นเพราะนางเอ่ยวาจาออกมาไม่ได้ หลังแสดงท่าทางอยู่ครึ่งค่อนวัน ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้เข้าใจสิ่งที่บ่าวหญิงใบ้ต้องการจะบอกในที่สุด
ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหยิบกุญแจของประตูเรือนแห่งนั้นออกมา ให้ซวงหงติดตามบ่าวหญิงใบ้ผู้นั้นไปเปิดประตูและเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต่อมาก็เห็นซวงหงเร่งรีบกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด เข้ามาแล้วก็คุกเข่ากล่าวรายงานอย่างลนลาน “ฮูหยินผู้เฒ่า เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ นาง…คนผู้นั้น…นางตายแล้ว”
ในฐานะสาวใช้ผู้รู้ใจฮูหยินผู้เฒ่ามากที่สุด ซวงหงย่อมรับรู้เรื่องราวของตู้ซื่ออยู่บ้าง ยามนี้นางจึงไม่รู้ว่าตนเองควรเรียกขานตู้ซื่อว่าอย่างไร ดังนั้นจึงเอ่ยเพียงว่า ‘นาง’
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินซวงหงเอ่ยเช่นนี้ ในใจก็ตกใจไม่ต่างกัน ทว่าบนใบหน้าไม่แสดงความรู้สึก กลับตวาดซวงหง “นางตายก็ตายไปสิ เจ้าจะลนลานไปทำไม!” ก่อนจะสั่งให้ซวงหงไปปิดประตูห้อง ไม่อนุญาตให้สาวใช้คนอื่นๆ เข้ามาในห้องเลยสักคน ให้เหลือไว้เพียงซวงหง
ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกให้ซวงหงเดินมาข้างหน้าแล้วเอ่ยถามนางอย่างละเอียด “ตู้ซื่อตายได้อย่างไร”
ซวงหงคุกเข่าลงอีกครั้ง นางพยายามตั้งสติ จากนั้นถึงได้เอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่นางได้พบเห็นหลังไปถึงเรือนแห่งนั้นออกมาโดยละเอียด สุดท้ายนางยังเอ่ยว่า “เกรงว่านางจะต้องโขกศีรษะกระแทกผนังตายเป็นแน่เจ้าค่ะ ทั้งยังตายมาสองวันแล้ว บนหน้าผากแตกเป็นโพรงใหญ่ เลือดที่หลั่งออกมาจับตัวแข็งหมดแล้ว”