เพียงแต่เจ้าเกลียดเขาแล้วมีประโยชน์อะไร ที่เจ้าควรเกลียดก็คือฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านผู้เฒ่าผู้เลือดเย็นไร้ความรู้สึก กับสามีผู้อ่อนแอไร้ความสามารถของเจ้า เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหลี่เหวยหยวนกัน เขาเป็นคนที่เจ้าคลอดออกมา ตอนที่เจ้าคลอดออกมาได้ขอความเห็นด้วยจากเขาหรือไม่เล่า หากรู้ว่าหลังจากที่เขาเกิดมาแล้วจะต้องเผชิญกับวันเวลาเช่นนี้ ไม่แน่เขาอาจจะไม่ยินยอมมาเกิดบนโลกใบนี้ก็ได้ กระนั้นเขาก็ยังเห็นแก่ที่ว่าเจ้าเป็นแม่ของเขา มาหาเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า นับเป็นความรักต่อมารดาอย่างหนึ่ง ถึงขั้นรู้ว่าทุกครั้งที่มาหาจะต้องถูกเจ้าสบถด่าทออย่างร้ายกาจและเรียกว่าเจ้าลูกโสโครก ถูกเจ้าทุบตีอย่างเหี้ยมโหดจนทั้งร่างล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าเขาก็ยังคงมาที่นี่อย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่คิดว่าสามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้ามารดาผู้นี้ได้ก็ยังดี แต่เจ้ากลับปฏิบัติตัวเช่นไรกับเขาเล่า คืนนี้เจ้าก็ยังทุบตีเขาจนทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล อำมหิตถึงขั้นใช้เศษกระเบื้องในมือเจ้าเฉือนเนื้อบนฝ่ามือซ้ายของเขาออกมาก้อนหนึ่ง แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกของมัน เจ้าเป็นเช่นนี้ยังนับเป็นตัวอะไรได้”
การต่อว่าเป็นชุดของหลี่หลิงหว่านทำให้ตู้ซื่อนิ่งอึ้งไปบ้าง ทว่าต่อมานางก็ร้องตะโกนเสียงดังราวกับคนเสียสติ “เจ้าไปรู้อะไรมา เขาเป็นลูกโสโครก! ข้าด่าเขานับเป็นอะไร ทุบตีเขานับเป็นอะไรหรือ ทุกครั้งที่ข้าเห็นเขาล้วนอยากกัดเขาให้ตาย บีบคอเขาให้ตาย เช่นนี้ถึงจะลดความแค้นในใจข้าได้!”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กัดเขา บีบคอเขาให้ตายเสียเลยสิ แต่เจ้าก็ยังอยากจะใช้เขามาแก้แค้นคนทั้งหมดในจวนสกุลหลี่แห่งนี้ ดังนั้นตั้งแต่เขายังเด็กเจ้าจึงใส่ความคิดที่ต้องแก้แค้นให้แก่เขา ต้องทำให้ทุกคนในจวนสกุลหลี่แห่งนี้ไม่ได้ตายดี เจ้าทำเช่นนี้เป็นการทำลายเขารู้หรือไม่”
พูดมาถึงตรงนี้หลี่หลิงหว่านก็แค่นเสียงเย็นชาออกมาอีกครั้ง สายตาจับจ้องไปที่ตู้ซื่อพลางเอ่ยช้าๆ “มีเรื่องอะไรบ้างที่ข้าไม่รู้ ที่เจ้าเคียดแค้นเขาเช่นนี้เพราะตอนที่เจ้าอยู่อารามกันลู่ถูกภิกษุต่ำทรามรูปนั้นขืนใจจนตั้งครรภ์ขึ้นมา เจ้ามองเห็นเขาก็จะนึกไปถึงเรื่องเลวร้ายในค่ำคืนนั้นใช่หรือไม่ แต่ข้ายังคงย้ำคำเดิม หากเจ้าเคียดแค้นเขาจริงๆ แรกเริ่มตอนที่เจ้ารู้ว่าตั้งครรภ์ก็ควรจะหาหนทางทำให้เขาไม่ต้องเกิดมา หรือหลังคลอดเขาออกมาแล้วก็สามารถบีบคอเขาให้ตายในคราวเดียวได้ หากทำไม่ได้ ยามที่เขามาหาเจ้า เจ้าก็สามารถทำเหมือนว่าเขาเป็นคนตายก็ได้มิใช่หรือ ไม่ต้องไปสนใจเขา แต่เจ้ากลับใช้ความเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดมาผูกมัดเขาเอาไว้ ต้องการให้เขาเชื่อฟังเจ้า อยากใช้เขาไปแก้แค้นคนในจวนสกุลหลี่แห่งนี้ พร้อมกันนั้นยังทรมานเขาอย่างเสียสติ ทั้งที่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ตัวเป็นๆ คนหนึ่ง หาใช่ของเล่นที่ไร้ความรู้สึกที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดชิ้นหนึ่ง ยิ่งไม่ใช่เครื่องมือที่ให้เจ้าเอาไว้ใช้แก้แค้นคนสกุลหลี่ เขาควรจะได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างสงบสุขในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง!”
ยามพูดมาถึงสองประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหลี่หลิงหว่านก็ยิ่งดังขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการตะโกนโดยแท้
จากนั้นหลี่หลิงหว่านก็เอ่ยถึงเป้าหมายที่นางมาในวันนี้อย่างเหนื่อยล้า “ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถครุ่นคิดถ้อยคำที่ข้าเอ่ยดีๆ ได้ ต่อให้เจ้ารักถนอมและเอ็นดูเขาเฉกเช่นที่มารดามีต่อบุตรชายไม่ได้ แต่อย่างน้อยหลังจากนี้ยามที่เขามาหาเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ด่าทอเขา ยิ่งไม่อาจทุบตีเขา หลายปีมานี้เขาได้รับความยากลำบากและกดดันมามากเกินพอแล้ว ขอร้องล่ะ วันหน้าเจ้าช่วยทำให้เขามีชีวิตอย่างสุขสบายและมีความสุขขึ้นมาหน่อยเถอะ”
ทว่าตู้ซื่อไม่ได้ฟังหลี่หลิงหว่านพูดประโยคเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้ว นางเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิม พึมพำกับตนเองอย่างคนเสียสติ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นในอารามกันลู่นอกจากข้ากับเฝิงหมัวมัวที่รับรู้ ก็ไม่มีคนอื่นรับรู้อีก กระทั่งหญิงแก่คนนั้นกับหลี่ซิวซงก็ยังไม่รู้ ตลอดมาล้วนปฏิบัติต่อเขาดั่งลูกหลานสกุลหลี่ แต่เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้ารู้ได้อย่างไร” ดวงตาของตู้ซื่อหันกลับมาจ้องหลี่หลิงหว่านเขม็งอีกครั้งพร้อมเอ่ยถามนางไปด้วย “เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!”
หลี่หลิงหว่านไม่อยากพูดอะไรกับตู้ซื่อมากกว่านี้ เพราะที่จริงในใจนางเองก็รู้สึกสงสารตู้ซื่อ ทั้งยังรู้สึกผิดด้วยเช่นกัน ในเมื่อทุกคนบนโลกนี้ต่างก็เป็นคนที่นางสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น ทว่ายามนี้นางไม่รู้แล้วว่าที่สุดตนเองควรจะทำอย่างไรกันแน่ นางรู้สึกแค่ว่าเหนื่อย…เหนื่อยทั้งกายและใจ
ชั่วขณะนี้นางรู้สึกเกลียดชังตนเองยิ่งนัก