บทที่ห้า
ตอนที่หลี่หลิงหว่านฟื้นขึ้นมาเป็นยามพลบค่ำ แสงอาทิตย์อัสดงกำลังลอดเข้ามาภายในห้อง ทั้งตำแหน่งใกล้และไกลต่างก็อาบด้วยแสงสีส้มเหลืองอันอบอุ่น
หลี่หลิงหว่านหมดสติไปค่อนข้างนาน จู่ๆ ตื่นขึ้นมาเช่นนี้สมองของนางจึงขาวโพลน ทั้งยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง
นางตะแคงศีรษะมองดูใบไผ่ที่สายลมยามค่ำคืนพัดส่งเสียงแซ่กๆ ภายนอกหน้าต่าง และค่อยๆ คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติไป แล้วนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเคลื่อนมาใกล้ ก่อนจะเห็นว่ามีคนกำลังเลิกผ้าม่านลายดอกไม้หลากสีที่แขวนอยู่ตรงประตูกั้นห้องเดินเข้ามา
แสงอาทิตย์อัสดงราวกับประกายทองคำส่องกระทบลงบนร่างเขา ช่วยขับให้ตัวเขาในยามนี้ราวกับเปล่งแสงประกายอ่อนโยนออกมาอย่างไรอย่างนั้น ดูอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าหลี่หลิงหว่านยังคงตกใจจนลุกพรวดขึ้นมานั่ง จากนั้นนางก็ถอยไปชิดมุมเตียง ซ่อนศีรษะเอาไว้แนบสนิทในอ้อมแขน ทั้งยังส่งเสียงหวาดผวาขึ้นมา “อย่าเข้ามานะ เจ้าอย่าเข้ามา!”
ตอนที่หลี่เหวยหยวนเลิกม่านแล้วเห็นหลี่หลิงหว่านได้สติขึ้นมานั้น ในใจเขาก็ปีติยินดียิ่ง กำลังจะเดินเข้าไปพูดคุยกับนาง ชั่วขณะนั้นก็เห็นว่าบนใบหน้านางปรากฏสีหน้าหวาดผวาราวกับเห็นผี ทั้งยังหลบเลี่ยงเขา ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ หลี่เหวยหยวนพลันรู้สึกหัวใจหนักอึ้งเป็นอย่างมาก
เขาเข้าใจ สภาพการตายในคืนนั้นของตู้ซื่อจะต้องทำให้หลี่หลิงหว่านตกใจอย่างแน่นอน หลังกลับมาแล้วนางก็นำเรื่องราวมาปนเปกับความกลัวเดิมที่นางมีอยู่ในใจตั้งแต่แรก ยามนี้เมื่อนางเพิ่งฟื้นขึ้นมา จู่ๆ ก็เห็นเขาถึงได้หวาดกลัวจนกลายเป็นเช่นนี้ไป จิตใต้สำนึกคิดแต่อยากหลบเลี่ยง
แม้สมองจะกระจ่างดีว่าที่ยามนี้หลี่หลิงหว่านหวาดกลัวเขาเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง แต่เห็นนางเป็นเช่นนี้แล้ว หลี่เหวยหยวนก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มเหล็กนับพันนับหมื่นกำลังทิ่มแทงหัวใจ
หลี่เหวยหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงเดินไปด้านหน้าเตียงของนางด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาที่สุด แล้ววางถ้วยยาที่ประคองอยู่ในมือลงบนโต๊ะเล็กบริเวณหัวเตียง
เขาไม่วางใจให้ผู้อื่นต้มยาให้ ดังนั้นหลายวันมานี้ขอเพียงเป็นยาที่หลี่หลิงหว่านต้องดื่ม ล้วนเป็นเขาที่ไปต้มมาเองกับมือ ทั้งยังนำมาแยกกากยาออกก่อนจะยกเข้ามา แล้วประคองหลี่หลิงหว่านที่หมดสติให้ขึ้นมาเอนพิงบริเวณหน้าอกเขา ค่อยๆ ป้อนยาให้นางดื่มไปทีละช้อน
ต่อให้กำลังหมดสติ แต่จิตใต้สำนึกของหลี่หลิงหว่านยังคงไม่ชอบดื่มยาที่มีรสขม นางมักจะขมวดคิ้วและกัดฟันแน่นไม่ยอมดื่ม ต่อให้หลี่เหวยหยวนกรอกยาช้อนหนึ่งเข้าไปในปากนางอย่างยากลำบากแล้ว แต่ก็จะถูกนางพ่นออกมาทั้งหมดในทันที สุดท้ายหลี่เหวยหยวนจึงไร้หนทาง ทำได้เพียงดื่มยาเข้าไปในปากตนเอง บีบปลายคางหลี่หลิงหว่านเพื่อให้นางอ้าปาก จากนั้นจึงก้มศีรษะลงไป นำยาที่อยู่ในปากทั้งหมดป้อนเข้าไปในปากของนาง และเพื่อป้องกันไม่ให้นางพ่นยาออกมาอีกครั้ง เขาจึงใช้ปากตนเองปิดปากนางให้แน่นสนิทอยู่ตลอดเวลา จวบจนมั่นใจว่านางกลืนยาทั้งหมดนี้ลงไปแล้ว เขาถึงได้ปล่อยริมฝีปากนาง จากนั้นก็ใช้วิธีการเช่นนี้ป้อนยาคำต่อไปเข้าไปใหม่อีกครั้ง
“หว่านวาน” หลี่เหวยหยวนทอดเสียงตนเองให้อ่อนโยนที่สุดแล้ว แต่ในตอนที่หลี่หลิงหว่านได้ยินเขาเรียกเช่นนี้ ทั้งร่างของนางก็สั่นสะท้านเล็กน้อย “เจ้าเป็นอะไรไป ข้าคือพี่ชายของเจ้า” กล่าวจบหลี่เหวยหยวนก็ยื่นมือไปจับมือของนาง
แต่หลี่หลิงหว่านกลับหลบเลี่ยงมือของเขา ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา คำพูดที่เอ่ยออกมายังแฝงไปด้วยเสียงสะอื้น “เจ้าอย่าเข้ามา อย่าเข้ามาเลยนะ”