หลี่หลิงเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะถามเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นจึงนึกคำตอบไม่ทันในทันที เงยหน้ามองเขาอย่างงุนงงชั่วครู่ แต่ชั่วพริบตานางก็เข้าใจความหมายของเขา นางรีบยิ้มเอ่ย “ใช่แล้วเจ้าค่ะ เดิมทีข้าก็อยากจะเด็ดกิ่งเหมยส่งไปให้น้องสี่ปักแจกันอยู่แล้ว”
เหลียงเฟิงอวี่ได้ยินแล้วก็ผงกศีรษะก่อนเอ่ยต่อ “ข้าเคยได้ยินจือหลันบอกว่าน้องหว่านชอบใช้แจกันเคลือบสีขาวคอสูงมาปักดอกเหมยที่สุด โดยเฉพาะดอกเหมยสีแดงเช่นนี้ เพราะแจกันคอสูงจะช่วยแสดงความงดงามของดอกเหมยออกมาได้เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม รอประเดี๋ยวคุณหนูหลี่ส่งกิ่งเหมยแดงไปให้น้องหว่านแล้ว คาดว่านางจะยังป่วยอยู่ คงไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ขอให้คุณหนูหลี่เตือนสาวใช้ของนางสักคำหนึ่ง ให้พวกนางหาแจกันเคลือบสีขาวคอสูงออกมาด้วย”
มือที่บีบผ้าเช็ดหน้าของหลี่หลิงเยี่ยนสั่นขึ้นมาน้อยๆ ทั้งลอบกัดฟันกรอด ทว่าบนใบหน้ายังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน “เหลียงซื่อจื่อช่างใส่ใจนัก”
ทว่าเหลียงเฟิงอวี่กลับไม่รู้ถึงความรู้สึกของหลี่หลิงเยี่ยน ยังคงเอ่ยกำชับต่ออีกประโยค “ขอให้คุณหนูหลี่อย่าได้ลืมเรื่องนี้เป็นอันขาด”
หลี่หลิงเยี่ยนกัดฟันจนแทบจะหักอยู่แล้ว ทว่าฉากหน้ายังคงยิ้มแย้มผงกศีรษะ “ข้าจำได้แล้ว ขอให้เหลียงซื่อจื่อวางใจได้เจ้าค่ะ”
ในยามนั้นเหลียงเฟิงอวี่ก็ก้มหน้ามองกิ่งเหมยในมือตนเอง หลังลังเลอยู่สักพักเขาก็ยื่นมือออกไป “น้องหว่านชื่นชอบดอกเหมยยิ่งนัก แม้กิ่งเหมยกิ่งนี้คุณหนูหลี่จะมอบให้ข้า แต่ตอนนี้ข้าขอยืมดอกไม้ถวายพระ ทั้งยังต้องรบกวนให้คุณหนูหลี่นำมันไปมอบให้น้องหว่านด้วย บอกว่าข้าเป็นคนมอบให้นาง ดีหรือไม่”
ยามนี้หัวใจของหลี่หลิงเยี่ยนกรุ่นโกรธจนสั่นระริกไปหมดแล้ว แต่รอยยิ้มอ่อนหวานบนใบหน้ากลับไม่อาจหดหาย นางยังคงผงกศีรษะตอบรับ “เจ้าค่ะ ข้าจะต้องนำกิ่งเหมยกิ่งนี้ไปมอบให้ถึงมือน้องสี่แน่นอน”
เหลียงเฟิงอวี่ขอบคุณหลี่หลิงเยี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะติดตามสาวใช้ผู้นั้นจากไป และเดินไปยังประตูใหญ่ของจวนสกุลหลี่
ส่วนทางด้านนี้ชิงถงเห็นคุณหนูของตนเองเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม หลังครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนู พวกเราจะส่งกิ่งเหมยกิ่งนี้ไปให้คุณหนูสี่หรือไม่เจ้าคะ”
ในใจชิงถงเองก็สงสัยเช่นกัน ก่อนหน้านี้คุณหนูเพียงพูดว่าจะมาเดินเล่นในสวนดอกไม้แห่งนี้ ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าต้องการไปหาคุณหนูสี่ทางด้านนั้น เหตุใดเมื่อครู่กลับพูดขึ้นมาว่าจะไปอย่างกะทันหันเสียได้เล่า
เดิมทีหลี่หลิงเยี่ยนก็โกรธจนหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่แล้ว จู่ๆ มาได้ยินประโยคนี้จากชิงถงอีก ชั่วขณะนั้นในใจนางยิ่งโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม ปลายหางตาเหลือบไปเห็นกิ่งเหมยกิ่งนั้นในมือชิงถง นางยิ่งมองมีแต่จะยิ่งรู้สึกขัดตา จึงเอื้อมมือไปแย่งกิ่งเหมยมา ก่อนจะโยนทิ้งลงบนพื้นไปพร้อมกับกิ่งเหมยที่อยู่ในมือตนเองกิ่งนั้นเสียเลย ทั้งยังเหยียบย่ำอย่างรุนแรงอีกสองครั้ง มองดูกิ่งเหมยที่ถูกนางเหยียบจนเละเทะแล้วถึงค่อยสลายความหงุดหงิดในใจนางไปได้บ้าง
จากนั้นหลี่หลิงเยี่ยนก็ไม่พูดอะไรสักคำ เพียงหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนเจียนจยาของตนเองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ชิงถงเองก็รีบร้อนติดตามไปเช่นกัน
หลี่เหวยหยวนเข้ามาในเรือนอี๋เหอแล้วก็ได้เห็นเสี่ยวซานเลิกผ้าม่านเดินออกมา ในมือถืออ่างทองแดง ภายในนั้นบรรจุน้ำอยู่
เมื่อเห็นหลี่เหวยหยวน เสี่ยวซานก็รีบย่อกายคารวะเขาพร้อมส่งเสียงเรียก “คุณชายใหญ่”
หลี่เหวยหยวนผงกศีรษะให้นางก่อนจะเอ่ยถาม “คุณหนูของพวกเจ้าตื่นแล้วหรือ”
“เพิ่งตื่นเจ้าค่ะ” เสี่ยวซานก้มหน้าตอบคำถาม “ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวอวี้กำลังหวีผมให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“เมื่อคืนคุณหนูของพวกเจ้านอนหลับสนิทดีหรือไม่ ยังฝันร้ายหรือเปล่า ตื่นขึ้นมาทั้งหมดกี่ครั้ง แล้วร้องไห้บ้างหรือไม่”