ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 77-78 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 77-78

5 of 5หน้าถัดไป

สำหรับคำพูดนี้จะจริงเท็จเพียงไร เฉิงหยวนจิ่งไม่อยากไปใคร่ครวญ ขอเพียงคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของนางก็เพียงพอแล้ว

เฉิงหยวนจิ่งอารมณ์ดีขึ้น มีเพียงบนใบหน้าที่ยังฉายแววเย็นชาอยู่ “เช่นนั้นข้าถามเจ้า เจ้าผิดตรงที่ใดหรือ”

ความสามารถในการควบคุมสีหน้าของเฉิงหยวนจิ่งเป็นเลิศ เฉิงอวี๋จิ่นมองไม่ออกว่าเฉิงหยวนจิ่งไม่โกรธแล้ว นางเห็นเขายังมีสีหน้าเย็นชา คิดว่าเขายังไม่คลายโกรธ จึงยอมรับผิดอย่างจริงจังมาก ไม่กล้าพูดจาเรื่อยเปื่อย “ข้าไม่ควรหลบทุกคนมาที่โถงข้างสวนดอกไม้ ไม่ควรคลาดกับท่านอาเก้า ไม่ควรพูดว่าตำราสองเล่มนั้นอยู่ที่ข้า”

เฉิงอวี๋จิ่นพูดโดยเหลือบมองสีหน้าของเฉิงหยวนจิ่ง นางเห็นสีหน้าเฉิงหยวนจิ่งยังคงเย็นชาอยู่ ทำได้เพียงพยายามรับผิดต่อไป เสียงพูดเบาลงทุกที

เฉิงหยวนจิ่งกลับไม่มีท่าทีจะปล่อยผ่านแม้แต่น้อย ถามว่า “มีแค่เท่านี้หรือ”

เฉิงอวี๋จิ่นลอบกัดริมฝีปาก เฉิงหยวนจิ่งไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้เชียวหรือ หรืออยากให้นางพูดออกมาเองว่าไม่ควรเกิดความคิดจะยุ่งกับหลินชิงหย่วน เฉิงอวี๋จิ่นกัดฟัน พูดว่า “ข้ายังไม่ควรหยุดพูดที่โถงข้างสวนดอกไม้ อาลักษณ์หลินเป็นชายคนนอก ข้าพบชายคนนอกควรจะหลบเลี่ยง ไม่ควรอยู่ตามลำพังเพื่อสอบถามข่าวคราวของท่านอาเก้า”

เฉิงหยวนจิ่งคิดว่านางช่างแต่งข้ออ้างเก่งจริงๆ คำพูดมีมาเป็นชุดๆ พูดเช่นนี้นางกับหลินชิงหย่วนอยู่กันตามลำพังก็เพื่อเขาอย่างนั้นหรือ

เฉิงอวี๋จิ่นเห็นเฉิงหยวนจิ่งไม่ได้แสดงท่าทีในทันที จึงขยับเข้าใกล้พลางกุมชายเสื้อของเฉิงหยวนจิ่งเอาไว้ เรียกเสียงเบาว่า “ท่านอาเก้า”

เสียงพูดอ่อนโยนเสนาะหู อ่อนยวบเข้าไปถึงกระดูก เฉิงหยวนจิ่งถอนใจคราหนึ่ง ปั้นหน้านิ่งเหลือบมองนาง “ครั้งหน้าไม่มีข้อยกเว้น”

“เจ้าค่ะ” เฉิงอวี๋จิ่นมีรอยยิ้มเบิกบานในทันที ในดวงตาเปล่งประกายเย้ายวนตาออกมา เฉิงหยวนจิ่งเหม่อมองไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเฉิงอวี๋จิ่นหัวเราะ แล้วพูดเสียงใสว่า “ท่านอาเก้า ขอให้มีความสุขในปีใหม่ ในปีใหม่นี้ท่านต้องทำทุกเรื่องได้อย่างราบรื่น สำเร็จดั่งใจคิดแน่นอน”

เฉิงหยวนจิ่งดึงสติคืนมา แล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว “เจ้ายังจำได้อีกหรือ”

“เรื่องนั้นแน่นอน” เฉิงอวี๋จิ่นเห็นเฉิงหยวนจิ่งคลายโกรธแล้ว นางก็ไม่อยู่ในท่านั่งหลังตรงต่อไปอีก แต่เอนตัวพิงโต๊ะน้ำชา เฉิงอวี๋จิ่นกับเฉิงหยวนจิ่งนั่งอยู่ในฟากเดียวกัน เฉิงหยวนจิ่งยังคงนั่งอย่างดี ส่วนเฉิงอวี๋จิ่นใช้แขนเท้าขอบโต๊ะ ท่าทางเป็นกันเอง รูปร่างงดงาม พูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่คนแรกที่อวยพรปีใหม่ให้ท่านอาเก้า รอวันหน้าข้าต้องชิงเป็นคนแรกแน่นอน”

เฉิงหยวนจิ่งมองเฉิงอวี๋จิ่นแล้วยิ้ม เขามีกิริยาสง่างามเสมอ จิตใจกว้างขวาง ถึงแม้รายละเอียดทุกอย่างจะน่าดูมาก แต่กลับเหมือนเหล่าเซียนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์ ตอนนี้มองนางแล้วยิ้ม ในดวงตาแฝงความคิดลึกซึ้งที่เฉิงอวี๋จิ่นดูไม่เข้าใจ ในที่สุดก็มีความเป็นมนุษย์ขึ้นมาบ้างแล้ว

เฉิงอวี๋จิ่นไม่เข้าใจความหมายในสายตาของเฉิงหยวนจิ่ง แม้แต่คำพูดของเขาที่อยู่ข้างหูยังเหมือนมีความนัยลึกซึ้งด้วย “วันหน้าโอกาสยังมีอีกมาก เจ้าต้องทำให้เป็นจริงได้แน่นอน”

อำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่ยามค่ำคืน คิดจะอวยพรเป็นคนแรก อยู่ห่างกันย่อมทำไม่ได้แน่นอน แต่หากเป็นคนข้างหมอน เช่นนั้นโอกาสก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว

เฉิงอวี๋จิ่นตกอยู่ในรอยยิ้มที่มีเลศนัยของเฉิงหยวนจิ่งก็เกิดความรู้สึกถึงอันตรายออกมาตามสัญชาตญาณ แผ่นหลังก็แข็งตึงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เฉิงหยวนจิ่งได้ยินประโยคที่ชวนให้สบายใจที่สุดในปีนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก จึงยื่นมือไปลูบผมของเฉิงอวี๋จิ่น แล้วพูดว่า “อย่าโวยวายเลย พูดเรื่องสำคัญให้จบก่อน ที่เจ้าพูดเมื่อครู่มันเรื่องอะไรกันแน่”

เฉิงอวี๋จิ่นยังวิเคราะห์อยู่ว่ารอยยิ้มของเฉิงหยวนจิ่งหมายความว่าอย่างไร ผลปรากฏว่าได้เจอคำว่า ‘อย่าโวยวายเลย’ เฉิงอวี๋จิ่นพลันตกใจ แม้แต่เฉิงหยวนจิ่งยื่นมือมาทำให้ผมนางยุ่งก็ยังไม่มีเวลาเอาความ “เรื่องสำคัญที่พวกเราพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องล้อเล่นหรือ”

เฉิงอวี๋จิ่นรู้สึกไม่สบายไปทั้งร่าง นางคิดว่าตนเองไล่ความโกรธในใจขององค์รัชทายาทได้แล้ว ผลปรากฏว่าองค์รัชทายาทกลับพูดว่า ‘อย่าโวยวายเลย’ หรือ

เฉิงหยวนจิ่งสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย ถามว่า “แต่งงานใหม่มันเรื่องอะไรกัน”

เฉิงอวี๋จิ่นได้ยินแล้วมีสีหน้าตกใจ นั่งตัวตรงเช่นกัน เม้มปากแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร เรื่องเล็กน้อยของเรือนส่วนในสกุลเฉิง ไม่ต้องลำบากท่านอาเก้าให้เหนื่อยใจหรอก”

“ตี๋เหยียนหลินหรือ”

เฉิงอวี๋จิ่นเดิมทีไม่อยากพูด แต่เฉิงหยวนจิ่งพออ้าปากก็พูดชื่ออีกฝ่ายออกมา เฉิงอวี๋จิ่นเผยอปาก สุดท้ายก็พูดอย่างจนใจว่า “ใช่”

เฉิงหยวนจิ่งมองสีหน้าของเฉิงอวี๋จิ่น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง แล้ววางมือลงบนผมของนาง “ในเมื่อตอนนี้เจ้ายังเรียกข้าว่าท่านอาเก้า ข้าย่อมต้องทำหน้าที่ของอาอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเจ้า เจ้าเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่เช่นนี้ ยอมบอกหลินชิงหย่วนแต่ไม่บอกข้าหรือ”

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้” เฉิงอวี๋จิ่นรีบพูดแย้ง นางเห็นสายตาของเฉิงหยวนจิ่งแล้ว สุดท้ายก็ทอดถอนใจอย่างจนปัญญา “เป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ข้ายังอยากรักษาภาพลักษณ์อันดีในสายตาของท่านอาเก้าไว้ ไม่อยากจะเอาเรื่องแย่เช่นนี้มารบกวนท่านจริงๆ”

“ไม่เป็นไร” เฉิงหยวนจิ่งอาศัยเรื่องส่วนรวมมาจัดการเรื่องส่วนตน ฉวยโอกาสลูบผมของเฉิงอวี๋จิ่น ผลปรากฏว่าสัมผัสที่มือดีมาก เขายังพูดอย่างจริงจังอีกว่า “ในเมื่อข้ารู้แล้วก็ไม่มีทางอยู่นิ่งเฉยไม่จัดการ เจ้ามีเรื่องลำบากก็พูดมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

เฉิงอวี๋จิ่นไม่ได้สังเกตการกระทำที่มือของเฉิงหยวนจิ่ง นางสร้างภาพลักษณ์อย่างมากมาตั้งแต่เด็ก ทนรับไม่ได้ที่สุดกับการจะถูกคนลูบหัวเหมือนเด็กๆ เฉิงหยวนจิ่งมีความสง่างาม ในเวลานี้พูดคำจริงจังออกมาตามตรงเช่นนี้ เฉิงอวี๋จิ่นรู้สึกซาบซึ้งใจ จึงพูดว่า “แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไร ครั้งก่อนข้าพูดสั่งสอนซื่อจื่อน้อยในสวนดอกไม้ ถูกไช่กั๋วกงเห็นเข้าพอดี ท่านอาเก้าตอนนั้นก็อยู่ด้วย คิดว่าคงเข้าใจสภาพการณ์ตอนนั้นดี”

เฉิงหยวนจิ่งพยักหน้า เฉิงอวี๋จิ่นจึงพูดต่อไปว่า “ต่อมาตอนอยู่ที่วัดเซียงจีฮูหยินผู้เฒ่าตี๋มาพูดคุยกับท่านย่า เจอข้าพอดี บอกว่าจวนพวกเขาขาดคนที่คอยดูแลสั่งสอนซื่อจื่อ และข้ามีความเหมาะสมนี้พอดี ข้ายังไม่ได้หมั้นหมาย ฮูหยินผู้เฒ่าตี๋จึงคิดจะแต่งข้ากลับไปเป็นภรรยาเอกคนใหม่ จากนั้นข้าก็บังเอิญเจอกับไช่กั๋วกงที่ข้างนอกสวนดอกไม้ ข้าไม่อยากเข้าไปร่วมเหยียบในน้ำขุ่นกับสกุลตี๋ จึงพูดเรื่องนี้อย่างชัดแจ้งกับไช่กั๋วกง ข้าคิดว่าได้พูดกระจ่างแล้ว คิดไม่ถึงว่าไช่กั๋วกงยังคงแสดงความต้องการอยากจะขอแต่งงานกับท่านย่าอย่างชัดเจน ท่านย่ารู้สึกว่าเหมาะสมมาก ตอนที่ข้าได้รู้ข่าวนี้จากท่านแม่ จะไปพูดเกลี้ยกล่อมท่านย่า ท่านย่าก็ไม่ฟังคำข้าแล้ว”

เพราะคนตรงหน้าคือเฉิงหยวนจิ่ง เฉิงอวี๋จิ่นจึงไม่ได้ปิดบังความไม่ยินดีของตนเองกับการวางแผนของสกุลเฉิง เฉิงหยวนจิ่งได้ยินแล้วก็หรี่ตาลงอย่างเงียบๆ เฉิงอวี๋จิ่นเจอกับตี๋เหยียนหลินนอกสวนดอกไม้ที่วัดเซียงจี เขากลับไม่รู้เรื่องนี้เลย

เห็นทีเขาต้องส่งคนไปให้เฉิงอวี๋จิ่นเพิ่มแล้ว และตี๋เหยียนหลินผู้นี้ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกจริงๆ

เฉิงอวี๋จิ่นเล่าความรำคาญใจรวดเดียวจบแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างอย่างที่คิด นางกัดฟัน แล้วพูดโอดครวญว่า “ไช่กั๋วกงผู้นี้พูดจาเชื่อถือไม่ได้เลย วาจากลับกลอกนัก วันนั้นที่วัดเซียงจี ทั้งที่ข้าบอกต้นสายปลายเหตุให้เขาฟังอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการเขาไม่มีให้ สิ่งที่เขาต้องการข้าก็ทำไม่ได้ เดิมทีพูดกันดีแล้วว่าจะพบกันและลาจากแต่โดยดี แต่เขากลับดีจริงๆ กล้ากลืนคำพูดตนเอง ไปบอกท่านย่าข้าโดยตรง”

เฉิงอวี๋จิ่นโกรธมาก เฉิงหยวนจิ่งฟังแล้วนิ่งเงียบไม่พูดจา นิ้วมือเลื่อนมาที่จอนผมข้างหู เขี่ยเส้นผมของนางเล่นเบาๆ

“อวี๋จิ่น บนโลกนี้ใช่ว่าเรื่องทุกอย่างจะพูดด้วยเหตุผลกันได้” เฉิงหยวนจิ่งมองนาง ในแววตามีความหมายแฝง “โดยเฉพาะกับบุรุษ บุรุษทุกคนต่างเห็นแก่ตัว ยามพวกเขาเห็นสิ่งที่งดงามจะคิดเพียงแย่งชิง ครอบครอง และยึดมาเป็นของตนเอง ต่อให้เจ้าหยิบยกเหตุผลที่ไม่เหมาะสมร้อยแปดพันเก้าขึ้นมาก็สู้ความเห็นแก่ตัวของพวกเขาไม่ได้”

เฉิงอวี๋จิ่นมองเขาอย่างตกใจ เฉิงหยวนจิ่งจ้องหน้านางเช่นกัน ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา “ไม่มีข้อยกเว้น”

บุรุษต่างเห็นแก่ตัว…ไม่มีข้อยกเว้น

รวมทั้งเขาด้วย

จะต่างกันแค่เพียงเขามีอำนาจมากกว่าตี๋เหยียนหลินอยู่บ้างเท่านั้น

 

 

* พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน หมายถึงบุคคลที่มีความสามารถแต่หลบซ่อนตัวไม่เผยความสามารถของตัวเองหรือคนที่มีความสามารถแต่ยังไม่ถูกค้นพบ

* เงินยาซุ่ย คือเงินอั่งเปา (ซองแดง) ที่ผู้ใหญ่ให้เป็นเงินขวัญถุงแก่เด็กและผู้น้อย หรือมอบให้ผู้อาวุโสเพื่อเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีน โดยชาวจีนตีความคำว่า ‘ยาซุ่ย (压岁)’ ไว้สองลักษณะ หนึ่งคือความหมายแฝงที่พ้องเสียงกับการข่มเคราะห์ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และความหมายตรงตามอักษร แปลว่าเงินข่มอายุ สื่อถึงการอวยพรให้พ่อแม่ผู้สูงวัยมีอายุยืนยาว

* หนามแหลมแทงหลัง หมายถึงกระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด

* คนตายเพราะทรัพย์นกตายเพราะอาหาร มีเรื่องเล่าว่าชายสองคนพากันขึ้นเขาไปหาสมบัติ เมื่อขุดจนเจอสมบัติ ชายคนหนึ่งก็เสนอตัวเฝ้าสมบัติ โดยให้ชายอีกคนไปหาอาหาร ระหว่างที่แยกกันชายทั้งสองต่างคิดจะกำจัดอีกฝ่ายเพื่อยึดสมบัติไว้เอง เมื่อชายคนที่ไปหาอาหารกลับมา ชายคนที่เฝ้าสมบัติก็ฆ่าเขาทิ้ง จากนั้นก็กินอาหารที่อีกฝ่ายหามาโดยไม่รู้ว่าอาหารนั้นมียาพิษ ทำให้ตายไปอีกคน นกที่บินผ่านมาจิกกินอาหารนั้นไม่นานก็ตาย จึงเกิดเป็นสำนวน ‘คนตายเพราะทรัพย์นกตายเพราะอาหาร’ อุปมาถึงคนที่โลภในทรัพย์สินเงินทองจนไม่คิดถึงชีวิต

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 .. 65  เวลา 12.00 .

5 of 5หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com