ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทนำ-บทที่ 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทนำ-บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 12

บทนำ  

เทวทูตแห่งเขาปี้ลั่ว

 

วันนี้เป็นวันจิงเจ๋อ

ขณะทูตจากเขาปี้ลั่วมาถึงสกุลมู่ มู่เฉินเพิ่งจะดึงถังน้ำขึ้นมาจากในบ่อ เชือกป่านหยาบกระด้างรัดจนเจ็บฝ่ามือ นางใช้แรงไปมากกว่าจะยกถังน้ำขึ้นมาไว้บนขอบบ่อ หอบหายใจเบาๆ สองสามที ใบหน้าเล็กที่เปล่งปลั่งเกลี้ยงเกลาแดงเรื่อ

ต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้หนาวเย็นกว่าปกติ ดินแดนทางใต้ประเดี๋ยวแจ่มใสประเดี๋ยวมีฝน ท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนตกลงมาติดต่อกันหลายวัน ในที่สุดวันนี้ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งได้เสียที ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี น้ำแข็งในสระละลายแล้ว ผิวน้ำปรากฏประกายแสงสีขาวระยิบระยับ คลื่นเขียวใสไหวระลอก สรรพสิ่งฟื้นคืนชีวิต

มู่เฉินถูมือเล็กที่เห่อแดงก่อนเป่าลมหายใจร้อนใส่มือ จากนั้นก็หิ้วถังน้ำขนาดเท่าครึ่งตัวนางเดินไปยังเรือนปีกของเรือนด้านหลัง

ทิศตะวันออกพลันเกิดเสียงฟ้าร้องลั่น มู่เฉินตกใจจนมือเล็กเกิดสั่น น้ำทั้งถังหกพรวดออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว เปียกรองเท้าและเสื้อผ้า ทั้งทำให้ดินโคลนบนพื้นกระเด็นขึ้นมา

นางเงยหน้ามองไป ท้องฟ้าสีคราม ทิวทัศน์สิ่งของยังคงเดิม ไม่มีเมฆดำม้วนตัวหรือแม้แต่สายลมหนาวเหน็บ ประหนึ่งว่าเสียงฟ้าร้องเมื่อครู่นี้เป็นเพียงนางหูแว่วไปเองเท่านั้น แต่เมื่อย้อนนึกดูหลังจากนี้ ไม่ว่าโชควาสนานานัปการหรือชะตาชีวิตอันไม่คาดฝันทั้งหมดในชีวิตนี้ของนางล้วนเริ่มต้นจากเสียงฟ้าร้องนี้

“โธ่คุณหนู อยู่ดีๆ ท่านเล่นน้ำด้วยเหตุใดกัน! ดูซิ พื้นสกปรกแล้ว!” เสียงแหลมของป้าหลิวผู้ดูแลดังขึ้น และเพียงครู่เดียวก็เดินมาถึงเบื้องหน้ามู่เฉินแล้ว “ย้ายมาอยู่ที่เรือนด้านหลังแล้วก็ยังไม่หัดสงบเสงี่ยม คิดจะทำให้นายท่านไล่พวกท่านออกจากสกุลมู่หรือไร หรือคิดว่าตนเองเป็นเจ้านายในสกุลมู่ไปแล้วจริงๆ!”

มู่เฉินเก็บถังน้ำบนพื้นขึ้นมา แม้จะอายุยังน้อย แต่น้ำเสียงนางกลับมีแววเฉยชาไม่แยแสต่อโลก “ท่านแม่ป่วย ข้ามาตักน้ำไปให้นาง” นางพูดจบก็หันตัวเดินกลับไปที่บ่อน้ำ

นางโยนถังไม้ลงไปในบ่อ แต่เพราะแรงมีไม่พอ โยนอยู่หลายครั้งถังน้ำก็ยังคงลอยอยู่บนผิวน้ำ ไม่ง่ายเลยกว่าจะตักน้ำขึ้นมาได้ครึ่งถัง มู่เฉินหายใจหอบ เลือดฝาดบนใบหน้ายิ่งขึ้นสีเข้ม สองมือหิ้วถังน้ำไว้ข้างตัว เร่งฝีเท้าเดินกลับเรือนไปโดยไม่ปริปาก

ป้าหลิวตะโกนไล่หลังขึ้นอีกว่า “อีกประเดี๋ยวอย่าลืมมาเช็ดน้ำบนพื้นให้สะอาดด้วย ฮูหยินเห็นแล้วจะโมโหเอาได้!”

มู่เฉินชะงักเท้า สีหน้าเป็นปกติ แต่ระหว่างที่เผลอไผลกลับกัดริมฝีปากล่างไว้อย่างแรง

เพียงพริบตาเดียวนางก็ยืดหลังตรง เดินมุ่งหน้าไปต่อ

‘ฮูหยิน’ ที่ป้าหลิวพูดถึงมิใช่มารดาของมู่เฉิน และคำว่า ‘เจ้านาย’ ก็เป็นเพียงคำเรียกที่เหล่าบ่าวไพร่ใช้เสียดสีนาง นาง…มู่เฉินแม้จะกล่าวได้ว่าเป็นบุตรสาวคนโตของสกุลมู่ ทว่านับแต่จำความได้นางก็ไม่เคยมีชีวิตสุขสบายแม้แต่วันเดียว มู่ไป่เอินโปรดปรานโต้วซื่* ผู้เป็นภรรยาเอกแต่เพียงผู้เดียว ส่วนอิ่นซื่อมารดาของนางเป็นนักแสดงหุ่นเงา หลังให้กำเนิดนางและมู่อวิ่นจือผู้เป็นน้องสาวก็ไม่เคยได้รับความเมตตาจากสามีอีกแม้แต่นิดเดียว

ไม่กี่เดือนก่อนมู่เซิงบุตรสาวของโต้วซื่อแย่งตุ๊กตาผ้าของมู่อวิ่นจือไป หลังถูกมู่อวิ่นจือข่วนเป็นแผลกลับย้อนมาใส่ร้ายมู่อวิ่นจือต่อหน้ามู่ไป่เอิน นับแต่นั้นสามแม่ลูกก็ถูกไล่ออกจากเรือน ทำได้เพียงมาอาศัยอยู่ในเรือนด้านหลังอันเป็นที่พักของบ่าวไพร่

ฤดูหนาวเพิ่งผ่านพ้นไปอิ่นซื่อก็ล้มป่วยเสียแล้ว อีกทั้งมู่อวิ่นจือยังเยาว์วัย มู่เฉินจึงต้องเป็นฝ่ายดูแลพวกนาง

นี่ถึงขั้นว่าแม้แต่บ่าวไพร่ยังสามารถมาข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจแล้วหรือ…ต้องทำอย่างไรกันหนอจึงจะสามารถหลุดพ้นจากสภาพเยี่ยงนี้ไปได้ มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น

นางได้ยินมารดาบอกว่าเคยมีชีวิตที่ดีอยู่เช่นกัน เป็นก่อนหน้าที่โต้วซื่อจะแต่งเข้ามา พวกนางทั้งครอบครัวอันที่จริงเคยมีชีวิตที่มีความสุขอย่างที่สุด

ทว่ามู่เฉินนึกไม่ออก…นึกไม่ออกแม้แต่นิดเดียว

เนื่องจากใช้ความคิดหนักเกินไปมู่เฉินจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหยิ่งผยองดังมาจากทางด้านหน้า ครั้นนางเดินไปใกล้คนผู้นั้นก็อยู่ห่างไม่มากแล้ว ผู้มาก็คือมู่เซิงบุตรสาวคนที่สามของสกุลมู่ นางไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยกเท้าเตะถังน้ำในมือมู่เฉิน

มู่เฉินกำหูของถังน้ำไว้แน่นตามสัญชาตญาณ ใช้แรงเบี่ยงถังออก ขณะถังน้ำหลุดมือก็ได้ครูดหนังมือของมู่เฉินถลอกไปด้วย มู่เฉินสูดปาก นางเงยหน้าเห็นมู่เซิงกำลังมองมาด้วยท่าทางย่ามใจ

“ที่แท้วันนี้เจ้าก็ไม่มีตา! มองเห็นข้าไยจึงไม่หนีไปเล่า”

มู่เซิงสวมชุดสีชมพู ทำผมทรงมวยคู่ คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวหิมะไว้บนร่าง มองอย่างไรก็เป็นดั่งตุ๊กตาหยกเจียระไน ถึงกระนั้นมู่เฉินก็รู้สึกว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายนั้นมีแววเชือดเฉือนและเย็นชาดุดันเหมือนอย่างโต้วซื่อชัดเจน เห็นแล้วชวนสะอิดสะเอียนยิ่งยวด

เมื่อป้าหลิวมองเห็นมู่เซิงก็ก้าวไปหา “ทูนหัวของบ่าว ฮูหยินกำชับไว้แล้วว่ายามออกมาข้างนอกต้องถือเตาอุ่นมือไว้ด้วย ท่านออกมาเยี่ยงนี้เกิดหนาวจนมือแข็งขึ้นมา บ่าวมิใช่ต้องชีวิตหาไม่หรอกหรือเจ้าคะ!”

มู่เซิงพูดด้วยรอยยิ้มละไม “ป้าหลิว กลับไปแล้วอย่าลืมบอกแม่ข้าด้วยว่านางแพศยาแซ่อิ่นกับนางแพศยามู่อวิ่นจือนั่นถูกข้าตบไปสองฉาดจนแม้แต่พูดยังไม่กล้าพูดแล้ว” ขณะที่พูดก็มองมู่เฉินด้วยท่าทางได้ใจ

มู่เฉินได้ยินดังนี้ก็ไม่แสดงอาการใด เพียงก้มตัวเก็บถังน้ำขึ้นมาหมายจะเดินขึ้นหน้า ทำเสมือนว่ามองไม่เห็นอีกฝ่าย

มู่เซิงแปลกใจอยู่บ้าง กล่าวว่า “อะไรกัน เป็นใบ้เสียแล้ว? ปกติเจ้ามิใช่ชอบตีฝีปากกับข้ามากหรือไร”

มู่เฉินไม่มีสีหน้าท่าทางใดๆ ทว่าขณะเดินผ่านมู่เซิงนางก็พลันหันไปสะบัดมือฟาดเข้าที่ใบหน้าของฝ่ายหลังอย่างแรง!

หน้าที่แล้ว1 of 12

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com