โต้วซื่อจับมู่เซิงไว้ แต่มู่เซิงยังคงหลุดปากออกมาว่า “มู่อวิ่นจือน่ะหน้าไม่อาย! รู้ว่าบัดนี้แคว้นฉินมีอำนาจก็มองข้ามได้แม้แต่ความแตกต่างระหว่างชาวฮั่นกับพวกชนเผ่า!”
เรียวคิ้วงามของมู่เฉินย่นเข้าหากัน นางลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้ามู่เซิง แล้วตวัดฝ่ามือออกไป ทำเอาคนทั้งหมดตกใจอยู่ข้างๆ
ฝ่ามือนี้ของนางฟาดไปอย่างหนัก แก้มข้างหนึ่งของมู่เซิงบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางใช้มือข้างหนึ่งชี้มู่เฉิน “เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า!”
มู่เซิงพูดพลางทำท่าจะเอาคืน กลับถูกมู่ไป่เอินและโต้วซื่อรั้งไว้
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านห้ามข้าด้วยเหตุใด อิ่นซื่อหน้าไม่อายไปคนหนึ่งแล้ว บุตรสาวที่คลอดออกมาก็หน้าไม่อายเช่นกัน หากมิใช่เพราะนางหนีไป ข้าคงไม่ถูกบังคับให้แต่งไปสกุลเหลียง!” นางชี้มู่เฉิน “เจ้าก็อีกคน! เจ้าเป็นปีศาจทำร้ายคนมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นเป็นเจ้าแน่ๆ ที่เอาหนังสือผ้าไหมนั่นไป ซ้ำยังหลอกท่านพ่อว่าข้าเข้าไปในห้องหนังสือของเขา ทำให้ข้าถูกตีปางตาย…”
มู่ไป่เอินร้องเรียกด้วยความโมโห “เด็กๆ รีบเข้ามาพานางไปขังไว้เสีย!”
ครั้นมู่เซิงถูกคนบังคับลากตัวออกไปแล้ว มู่เฉินก็ยิ้มเย็นพลางมองไปยังมู่ไป่เอิน ก่อนถามว่า “ท่านเตรียมการแต่งงานให้อวิ่นจือ?”
มู่ไป่เอินไม่รู้ว่าเหตุใดไม่ได้พบกันเจ็ดปีท่าทางของมู่เฉินจึงดูแตกต่างไปจากเจ็ดปีก่อนโดยสิ้นเชิง เขาแทบจะไม่กล้าสบตานางตรงๆ แล้ว “สกุลเหลียง…สกุลเหลียงเองก็นับว่าเป็นตระกูลมีชื่อ…”
“ตระกูลมีชื่อ?” มู่เฉินพยักหน้า “ดีมาก เช่นนั้นก็ให้มู่เซิงแต่งไปแล้วกัน”
ใบหน้าของโต้วซื่อซีดเผือดลงหนึ่งส่วน
มู่เฉินถามต่อว่า “นี่หมายความว่าอวิ่นจือไปแคว้นฉินแล้ว?”
มู่ไป่เอินตอบ “เป็น…เป็นเมื่อเดือนก่อน ฉงเหอโหวแห่งแคว้นฉินได้มาท่องเที่ยว ขณะจากไปก็ได้…พาอวิ่นจือไปด้วย เฉินเอ๋อร์ พ่ออยากห้ามนาง แต่…ห้ามไม่อยู่”
หัวคิ้วมู่เฉินเริ่มมุ่นอีกครั้ง
ฉงเหอโหวแห่งแคว้นฉินมีนามว่าฝูหมัว เป็นญาติผู้น้องของฝูเจียนฮ่องเต้แคว้นฉิน มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพเจิงซี ได้ข่าวว่ารูปโฉมหล่อเหลา ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าสำราญ
เวลานี้เองก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก มีบ่าวมารายงานว่า “นายท่าน ใต้เท้าเซี่ยเข้ามาแล้ว พวกบ่าวห้ามไม่อยู่ขอรับ!”
มู่ไป่เอินอึ้งงันไป ถามว่า “ใต้เท้าเซี่ยคนใด”
“เซี่ยเสวียน ที่ปรึกษาเซี่ยใต้สังกัดแม่ทัพหวนขอรับ”
มู่ไป่เอินคิดพิจารณาก่อนว่า “เขามาได้อย่างไร หรือจะรู้ว่าเฉินเอ๋อร์กลับมาแล้ว…”
มู่เฉินหน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ข้าจะไปก่อน อย่าให้ผู้ใดรู้ว่าข้าเคยปรากฏตัว”
“เฉินเอ๋อร์…” มู่ไป่เอินกล่าวด้วยความประหม่า “เจ้าไม่คิดจะอยู่ที่เจี้ยนคัง?”
ใต้หล้ารู้กันทั่วว่าบุตรสาวคนโตของสกุลมู่นำศาสตร์แห่งกษัตริย์ติดตัวมาด้วย แต่ละแว่นแคว้นล้วนต้องการหาตัวนางมาไว้ใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น
เดิมทีมู่ไป่เอินนึกว่าถึงแม้มู่เฉินจะไม่เต็มใจพักอยู่ในจวน อย่างไรก็ยังพึงระลึกอยู่ว่าตนเองเป็นชาวฮั่น ทว่าวาจาเมื่อครู่นี้ของนางกลับทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
มู่เฉินกล่าวด้วยท่าทางเย็นชา “ขอตัว”
นางกำลังจะจากไป คาดไม่ถึงว่าจะมีเสียงดังกังวานเสียงหนึ่งมาจากทางด้านหน้า “ใต้เท้ามู่ มาเยี่ยมเยียนกะทันหัน ต้องขออภัยด้วย!”
มู่ไป่เอินรีบก้าวไปต้อนรับ “ใต้เท้าเซี่ย ขออภัยที่มิได้ออกไปต้อนรับ”
มู่เฉินหวิดจะชนเข้ากับเซี่ยเสวียน ครั้นเงยหน้ามองก็พบคนผู้นี้มีอายุราวสามสิบต้นๆ องคาพยพบนหน้าได้รูป สีหน้าดูลุ่มลึก
เซี่ยเสวียนมองเห็นมู่เฉินแวบแรกก็เผยสายตาสงสัยออกมา “แม่นางผู้นี้คือ…”
มู่ไป่เอินกัดฟันตวาดใส่มู่เฉิน “ไร้กฎระเบียบปานนี้ยังคิดจะมาทำงานที่จวนข้า? พ่อบ้าน ยังไม่รีบไล่นางออกไปอีก!”
มู่เฉินก้มหน้าลง สายตาระแวดระวังผ่อนคลายลงเล็กน้อย เสี้ยวเวลาถัดมาก็ตามพ่อบ้านชราออกจากประตูไป
เสียงของมู่ไป่เอินดังมาจากด้านหลัง “ใต้เท้าเซี่ยโปรดอภัย สาวใช้มาใหม่ไม่มีกฎระเบียบ…”
“มิเป็นไร” เซี่ยเสวียนกล่าวเยี่ยงนี้ หางตากลับเหลือบมองตามเงาร่างของมู่เฉิน จวบจนชุดสีเขียวนั้นลับหายไปสุดระเบียงทางเดินเขาจึงยิ้มน้อยๆ พลางมองไปยังมู่ไป่เอิน “ใต้เท้ามู่ ทุกเรื่องถูกลิขิตไว้แล้ว ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมต้องมีเหตุและผล ท่านอาข้ามักพูดเสมอว่าเรื่องใดลำบากใจไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดกังวล”
“รบกวนคุณชายช่วยนำความไปบอกทีว่าข้าขอบคุณใต้เท้าเซี่ยอาของท่านด้วย” มู่ไป่เอินค้อมตัวเล็กน้อย ในอากาศปลายฤดูร้อนนี้แผ่นหลังของเขากลับมีเหงื่อเย็นซึมออกมา
พ่อบ้านชราซ่งพามู่เฉินเดินมาถึงประตูใหญ่ก็เอ่ยถามอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง “คุณหนูไม่คิดจะอยู่ต่อจริงหรือขอรับ”
มู่เฉินตอบ “ใต้หล้ากว้างใหญ่ มีที่ใดมิอาจพักพิง ยิ่งกว่านั้นข้ายังต้องไปหาอวิ่นจือ”
พ่อบ้านชราเผยสีหน้าเศร้า กล่าวว่า “จากไปครานี้มิรู้จะยังสามารถได้พบคุณหนูอีกหรือไม่”
มู่เฉินยิ้มน้อยๆ “วันเวลาข้างหน้าอีกยาวไกล พ่อบ้านรักษาตัวด้วย”
“คุณหนูเองก็รักษาตัวให้ดีนะขอรับ วันข้างหน้ากลับมาจวน บ่าวจะมาเปิดประตูให้ท่าน”
มู่เฉินพยักหน้าน้อยๆ แม้จะกล่าวว่าผู้คนและสิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่วาจานี้ของพ่อบ้านซ่งยังคงทำให้นางเกิดความรู้สึกอบอุ่นอยู่เลือนราง
นางหันหลังจากไป เพียงไม่นานก็หายลับไปที่ปลายถนน