มู่หรงชงไปแล้วก็มีบุรุษหน้าตางามพริ้งเพริศมานั่งลงข้างกายมู่เฉิน เขาเปลือยหน้าอกเกือบครึ่ง ขยับมาพูดใกล้ๆ นาง “แม่นางมาครั้งแรกหรือ”
มู่เฉินถอยหลัง “ข้ากำลังรอพี่ชายข้า”
บุรุษผู้นั้นแย้มยิ้มอ่อนโยน “พี่ชายท่านขึ้นไปชั้นบนแล้ว เกรงว่าคงไม่ลงมาในเร็วๆ นี้แล้ว มิสู้ให้ข้ามาคลายเบื่อให้แม่นาง?”
มู่เฉินตอบ “ข้าไม่เบื่อ”
“มีข้าอยู่เป็นเพื่อน แม่นางจะยิ่งไม่มีทางเบื่อ” เขาพูดพลางทำท่าจะจับมือมู่เฉิน
มู่เฉินลุกขึ้นด้วยความตกใจพลางถอยกรูดไปสองสามก้าว “ข้ารู้สึกว่าที่นี่แปลกใหม่ยิ่ง จะไปเดินดูด้วยตนเองก่อน หากเบื่อค่อยมาหาเจ้า” นางพูดจบก็กระวีกระวาดเดินไปตรงที่คนน้อย
หอบุปผชาติใหญ่กว่าที่คิดไว้ เดิมทีมู่เฉินคิดจะสืบดูสถานการณ์ด้านในสักหน่อย แต่หลังจากเดินทะลุระเบียงทางเดินหลายเส้นก็ค้นพบว่าตนเองหลงทางเข้าเสียแล้ว สถานที่ที่นางอยู่ในยามนี้ไม่มีผู้ใด สองข้างก็ล้วนเป็นห้องแบบเดียวกัน ระเบียงทางเดินไขว้กันไปมาปราศจากแบบแผน
มู่เฉินพลันตระหนักได้ นี่เป็นวิธีพรางตาที่เจ้าของสถานที่จงใจทำไว้
อาหญิงหงจูผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
มู่เฉินชักเริ่มเป็นห่วงมู่หรงชงขึ้นมาแล้ว เดิมคิดว่าให้เขาเจรจากับหงจูตามลำพังอีกฝ่ายจะคลายความระแวดระวังลง แต่บัดนี้เกรงว่าเขาคงจะล่วงเกินอีกฝ่ายเข้าโดยมิได้ตั้งใจแล้ว…มู่เฉินโคลงศีรษะพลางคิดในใจ เป็นห่วงเขาไปไย เทียนแดงมุ้งอุ่น อย่างมากก็แค่ถูกรวบหัวรวบหาง ข้าควรห่วงตนเองสักหน่อยจึงจะถูก จะออกไปอย่างไรดีเล่า…
ทางฝั่ง ‘เทียนแดงมุ้งอุ่น’ นั้นมู่หรงชงนั่งดื่มชาอย่างเรียบร้อย ยังไม่มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะถูกจับกิน
หงจูนั่งฝั่งตรงข้ามเขา รินชาพร้อมยิ้มกว้าง “สามปีกว่าแล้ว ในที่สุดท่านเจ้าเมืองก็ยอมให้เกียรติมาเยือนสถานที่อันซอมซ่อแห่งนี้ หงจูซาบซึ้งใจอย่างหาที่สุดมิได้”
มู่หรงชงชะงักเล็กน้อย วางถ้วยชาลง ก่อนกล่าวอย่างระแวดระวัง “เจ้ารู้ฐานะของข้าได้อย่างไร”
“ท่านเจ้าเมืองมาถึงที่นี่เพียงเพื่อมาหาความสำราญจริงๆ หรือ ในเมื่อท่านทราบประโยชน์ของสถานที่นี้ของข้าแล้ว ยังจะแสร้งทำเลอะเลือนอันใดอีก” หงจูพูดพลางเดินแช่มช้ามาหามู่หรงชง “ข้าทราบรูปร่างหน้าตาของท่านตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว ยามนี้ได้เห็นเองกับตายิ่งชวนให้คนใจเต้น วันหน้าใต้เท้าต้องมาบ่อยๆ นะเจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าคงได้คิดถึงท่านเจียนคลั่ง…”
หงจูพูดพลางแทบจะล้มเข้าสู่อ้อมอกมู่หรงชง
มู่หรงชงพูดเสียงเย็น “อย่าสัมผัสถูกข้า อาวุธไม่มีตาหรอกนะ”
“ช่างไม่เข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิงเสียจริงๆ เดิมคิดจะให้ท่านเป็นหนึ่งในชายยาใจสามพันคนของข้า ในเมื่อดุปานนี้ก็ช่างเถอะ ข้าชอบคนที่อ่อนโยนมากกว่า” หงจูบ่นกระเง้ากระงอดพลางบิดเอว ทว่าก็สงวนท่าทีลงไม่น้อย นางเพียงเล่นผมตนเองอยู่ด้านข้าง “แม่นางผู้นั้นที่ชั้นล่างเรียกท่านว่า ‘พี่ชาย’ ข้าดูแล้วนางใช่น้องสาวท่านเสียที่ใดกัน เป็นคนรักกระมัง เห็นทีเรื่องที่ข้างนอกเล่าลือกันคงผิดไป ท่านชอบสตรีจริงๆ? ข้าไม่ด้อยกว่านางเลยสักนิด…”
มู่หรงชงพยายามอดทนให้ถึงที่สุด เขานึกเสียใจอยู่บ้างแล้วที่มาสถานที่แห่งนี้ ด้วยไม่เคยคิดเลยว่าใต้หล้าจะยังมีสตรีที่ไม่รู้จักอายเช่นนี้อยู่ด้วย
“อาหญิงหงจู คุยเรื่องเป็นงานเป็นการกันได้หรือไม่”
“สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นงานเป็นการมาตลอด สิ่งที่ทำก็คือการค้านี้ ไหนเลยจะเหมือนคนบางคน พี่ชายน้องสาว จุๆ ไม่ซื่อตรงเอาเสียเลย” หงจูเอนร่างไปกับโต๊ะประหนึ่งงูเลื้อย เผยหน้าอกเกือบครึ่งออกมาใส่มู่หรงชง “ท่าทางไม่พอใจของท่านก็น่ามองมาก เฟิ่งหวง…นามนี้ก็ไพเราะเช่นกัน ข้าขอแตะจมูกของท่านหน่อยได้หรือไม่…ก็ได้ อย่าไม่พอใจเลย มา พี่สาวจะคุยเรื่องเป็นงานเป็นการกับท่าน”
มู่หรงชงเบือนหน้าหนี “ข้าจะเปิดโรงจำนำที่หอของเจ้าเป็นอย่างไร”
หงจูเป็นคนฉลาด บอกเพียงนิดเดียวก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง สองตาคล้ายมีประกายแสงพุ่งออกมาทันที นางรวบเสื้อผ้าปิดมิดชิด ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเป็นงานเป็นการ “ยินดีรับฟังรายละเอียด”
กิริยาวาจาราวกับกลายเป็นคนละคนในทันใด