“ดูเถิด เช่นนี้ก็หมดเรื่องแล้ว!” คนผู้นี้ก็คือคนหนุ่มร่างผอมที่เมื่อครู่นี้ติดตามอยู่ด้านหลังเหยาฉางโดยตลอด นางสวมชุดบุรุษ พอนางเอ่ยปากคนทั้งหมดถึงได้รู้ว่าเป็นสตรี
เหยาฉางมุ่นคิ้วน้อยๆ พูดเสียงเข้ม “จิ่วเทียน อยู่ต่อพระพักตร์องค์ชาย เจ้ามุทะลุเกินไปแล้ว”
นางพยักหน้าอย่างคล้ายรู้ความผิด “พ่อบุญธรรม ข้าผิดไปแล้ว”
เหยาฉางมิได้กล่าวสิ่งใดอีก แต่ในใจคิดว่าเจตนาของฝูฮุยชัดเจนออกปานนี้ เขาไม่มีความจำเป็นต้องล่วงเกินอีกฝ่ายเพื่อเจ้าเด็กเซียนเปยผู้นี้ ควรหาข้ออ้างหลบหลีก
ม้าของมู่เฉินถูกทำให้ตกใจ แต่เนื่องจากบาดเจ็บหนักมาก มันวิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ทรุดตัวนั่งลง มู่เฉินจับสายบังเหียนแน่น ก่อนร่วงตกลงบนพื้น
มู่หรงชงเร่งม้าไปหา ยื่นมือออกไปพลางว่า “ขึ้นมา”
มู่เฉินคิดในใจ เขามิใช่ไม่ชอบสัมผัสกับผู้อื่นหรือไร ไฉนจึงทำเช่นนี้หลายหน…
แม้ว่านางจะคิดเช่นนี้ แต่มือได้ยื่นออกไปแล้ว
มู่หรงชงดึงเบาๆ ก็พานางขึ้นหลังม้า ให้นั่งอยู่ด้านหน้าตนเอง
มือที่ดึงสายบังเหียนของเขาก็วางอยู่ตรงหน้าท้องมู่เฉิน มู่เฉินรู้สึกว่าบนหน้าตนเองร้อนซู่น้อยๆ จึงรีบก้มหน้าลง
ฝูฮุยหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ “ที่แท้เด็กหนุ่มบำเรอก็ยังเลี้ยงดูสตรีได้? มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่า ‘ตั้งตระหง่าน’ ขึ้นมาได้หรือไม่…”
เขาพูดยังไม่ทันจบมู่หรงชงก็ใช้มือหนึ่งจับลูกธนู เล็งปลายมาที่คอหอยของเขาพร้อมพูดเสียงเยียบเย็น “องค์ชาย วิชาธนูของกระหม่อมไม่แน่ว่าจะดีกว่าพระองค์”
ฝูฮุยระงับท่าทีลงเล็กน้อยในทันที “เจ้า…เจ้าบังอาจ!”
มู่หรงชงเก็บลูกธนู แต่หาได้วางกระบอกธนูกลับไปไม่ กลับเลือกจะยื่นไปให้มู่เฉินแทน
พวกเขามุ่งหน้ากันไปต่อได้อีกพักหนึ่ง เมื่อพบว่าแทบจะล่าสัตว์ไม่ได้เหยาฉางจึงเสนอว่า “มิสู้พวกเราแยกกันเคลื่อนไหวจะดีกว่า”
ฝูฮุยจึงว่า “ข้าคิดเหมือนกัน”
“ข้าคล้ายจะได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ทางด้านหน้า จิ่วเทียน เจ้าตามไปดูกับข้าหน่อย”
สตรีนางนั้นตอบรับ “เจ้าค่ะ!”
นางจงใจผ่อนฝีเท้าช้าลง พอเห็นเหยาฉางขี่ม้าไปไกลพอสมควรแล้วก็หันหน้ากลับไปพูดยิ้มๆ กับฝูฮุย “หม่อมฉันทนเห็นพระองค์ฆ่าคนภายใต้สายตาหม่อมฉันไม่ได้” แล้วก็เงยหน้าพูดกับมู่หรงชงอีกว่า “นี่พี่ชายคนงาม ข้ามีนามว่าหานเหยียน นามรองคือจิ่วเทียน ชาวยุทธภพเรียกขานว่า ‘เฟิ่งจิ่วเทียน!’ ”
พูดจบนางก็กระตุกสายบังเหียนห้อตะบึงไปข้างหน้า
เหยาฉางเพิ่งจะไปได้ไม่นานนักมู่หรงชงก็ค้นพบความผิดปกติแล้ว ในพงหญ้าไม่ไกลคลับคล้ายได้ยินเสียงสวบสาบ
เขากระซิบกับมู่เฉิน “ระวังด้วย”
เขาเงื้อธนูขึ้น กำลังคิดจะยิงไปทางนั้น กลับปรากฏเสียงเช่นนี้ขึ้นรอบด้าน
ฝูฮุยหัวเราะขึ้นมา
ระหว่างที่เขาหัวเราะเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาดักซุ่มอยู่บริเวณใกล้ๆ นี้แต่เดิมได้พากันเดินออกมา
“น้อมฟังพระบัญชาองค์ชาย!”
ฝูฮุยกล่าว “ดีมาก จงฟัง การล่าสัตว์วันนี้เจ้าเมืองผิงหยางไม่ระวัง บังเอิญเจอฝูงสัตว์ ศพ…ถูกกินไม่เหลือซากไปแล้ว!”
“กระหม่อมเข้าใจ!”
มู่เฉินลนลานจับมือมู่หรงชงไว้ด้วยอารามตกประหม่า พอคิดได้ว่าไม่ถูกต้อง กำลังจะปล่อยมือมู่หรงชงกลับกุมมือนางตอบ จับมือนางไว้ในฝ่ามืออย่างแน่นหนาแล้ว
“มู่หรงชง?”
“ข้าอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว”
ฝ่ามือเขาร้อนลวก ความร้อนนี้แทบจะแผ่ลามมาถึงในใจนาง ด้วยเหตุนี้จึงมิได้หวาดกลัวปานนั้นแล้วจริงๆ