ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 15

บทที่ 4

“ซื่อจื่อ ท่านคิดจะทำอะไรกัน”

พอมองเห็นหลิงหลงถูกมัดแน่นจนดิ้นไม่หลุดนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง ชุยซื่อก็ทั้งตกใจทั้งโมโห เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง “อยู่ดีๆ เหตุใดต้องเหยียดหยามหลิงหลงถึงเพียงนี้ หากคิดจะก่อเรื่องก็รู้จักขอบเขตบ้าง!”

ความง่วงงุนของหลันอ๋องก็สลายหายไปหมดสิ้น “เหลวไหล!” เขาหันไปทางพวกหลี่หมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างชุยซื่อ “พวกเจ้ามัวยืนนิ่งเฉยอะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้าไปแก้มัดให้นางอีก”

ลิ่นเซี่ยวปรายตามองพวกหลี่หมัวมัวที่กรูเข้าใส่อย่างเฉยชา

หลี่หมัวมัวเจอประกายเย็นเยียบในดวงตาลิ่นเซี่ยวข่มขวัญจนหยุดชะงักไปด้วยความขลาดกลัว

“ท่านพ่อ” ลิ่นเซี่ยวคารวะหลันอ๋องอย่างสุขุมเยือกเย็น “ลูกไม่เคยจงใจหาเรื่องผู้ใด ความจริงแล้วเวลานี้มีพวกคนถ่อยต่ำช้าแฝงตัวเข้ามาในวังอ๋อง ถ้าหากไม่รีบกำจัดโดยเร็ว เกรงว่าอาจมีอันตรายกับสุขภาพของท่านพ่อได้ ขอให้ท่านพ่อโปรดฟังลูกชี้แจงอย่างละเอียดก่อน”

สีหน้าของหลันอ๋องแสดงความลังเลใจ ยามนั้นเองเสียงของชุยซื่อก็หวีดแหลมสูงขึ้นทันควัน

“ซื่อจื่อหมายความว่าหลานสาวของข้าเป็นคนถ่อยต่ำช้าอย่างนั้นรึ”

หางตาลิ่นเซี่ยวคร้านจะเหลียวแลชุยซื่อ เขาเดินมาที่โต๊ะแล้วเปิดห่อผ้าที่ฉวีชิ่นเหยานำติดตัวมา

หลิงหลงเหลือบตามองแวบหนึ่ง นั่นมิได้อยู่เหนือความคาดหมายของนาง ข้างในห่อผ้าเป็นสุราและอาหารว่างจากหอจุ้ยเซียง นางลอบหัวเราะอยู่เบาๆ และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“เจ้ารู้จักสุราอาหารพวกนี้หรือไม่” ลิ่นเซี่ยวทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าหลิงหลง ความสนุกที่ฉายในดวงตายิ่งลึกล้ำ ราวกับพรานนักล่ากำลังชื่นชมการดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์ของเหยื่อ

ทันใดนั้นหลิงหลงก็ส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมา

“ท่านอ๋อง ท่านอา วันนี้หลิงหลงออกไปชมโคมไฟกับพี่ชาย ระหว่างทางพบกับน้องสาวคนหนึ่งชื่ออาเหยา ต่อมาพี่ชายก็พาพวกเราไปชมการแสดงบทเปี้ยนเหวินที่หอจุ้ยเซียง สุราไห่ถังของที่นั่นกลิ่นหอมนัก อาหารว่างก็รสชาติอร่อย แต่น่าเสียดาย ไม่นานน้องอาเหยาก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย แม้แต่บทเปี้ยนเหวินพวกเราก็ยังฟังไม่ทันจบ ต้องแยกย้ายกันกลับจวนแล้ว” นางหันหน้ามองตรงไปที่ฉวีชิ่นเหยา “น้องอาเหยา ตอนนั้นเจ้าบอกเองว่าปวดหัว ต้องกลับจวนหลูกั๋วกง เหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่กับพี่ชายได้เล่า”

เวลานี้หลันอ๋องกับชุยซื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าในห้องมีนักพรตน้อยแปลกหน้าเพิ่มมาคนหนึ่ง

ชุยซื่อมองประเมินฉวีชิ่นเหยาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน เพราะอะไรถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้”

ฉวีชิ่นเหยาหัวเราะโดยไร้เสียง หลิงหลงผู้นี้รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ วาจาเพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็เปลี่ยนเป้าธนูให้ย้ายมาที่นางได้สำเร็จ

นางสำรวจความเรียบร้อยของชุดนักพรตโดยไม่สะทกสะท้าน ก้าวออกมาข้างหน้าคารวะหลันอ๋องกับชุยซื่ออย่างนอบน้อม “ข้าน้อยมีฉายาว่าหยวนเจิน เป็นศิษย์นอกสำนักของนักพรตชิงซวีจื่อแห่งอารามชิงอวิ๋น หลายวันก่อนหน้านี้ซื่อจื่อบอกว่าในวังมีบางอย่างผิดปกติ อยากเชิญให้ท่านอาจารย์มาตรวจดูสักหน่อย แต่เพราะท่านอาจารย์ไม่อยู่ที่ฉางอัน งานทุกอย่างในอารามมีข้าน้อยเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ข้าน้อยก็เลยติดตามซื่อจื่อมาที่วังหลันอ๋อง เรื่องราวเร่งด่วนไม่ทันได้แจ้งกับท่านอ๋องและพระชายาให้ทราบก่อน ขอทั้งสองท่านโปรดอย่าได้ถือสา”

แม้ว่าหลันอ๋องจะไม่ได้เลื่อมใสศรัทธานักบวชนักพรตอย่างเชื้อพระวงศ์รายอื่นในฉางอัน แต่ว่าชื่อเสียงเรียงนามของชิงซวีจื่อในอดีตเขาก็พอได้ยินมาบ้าง พอเห็นว่านักพรตน้อยกล่าววาจามีเหตุมีผล ท่าทีสุขุมมีมารยาท ความหวาดระแวงจึงหายไปกว่าครึ่ง

ลิ่นเซี่ยวแสดงสีหน้าชื่นชมฉวีชิ่นเหยาเงียบๆ พลางอธิบายกับหลันอ๋องต่อ

“คืนนี้ตอนอยู่ที่หอจุ้ยเซียง หลิงหลงฉวยโอกาสที่ลูกไม่ทันระวังตัว ใส่พิษกู่ลงในสุราของลูกกับนักพรตหยวนเจิน โชคดีที่นักพรตหยวนเจินสังเกตเห็นก่อน หลิงหลงถึงได้ทำไม่สำเร็จตามแผน” ระหว่างที่เขาอธิบายก็ผายมือเชิญฉวีชิ่นเหยาไปด้วย

ฉวีชิ่นเหยาพยักหน้า หยิบอาหารว่างในห่อผ้าออกมา นำไปวางในกรงที่มีหนูตัวนั้นอยู่

เจ้าหนูตัวใหญ่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็กินขนมชิ้นเล็กนั้นจนหมด

ทุกคนต่างพากันกลั้นลมหายใจ มองไปทางหนูในกรงด้วยความตื่นเต้น ตอนแรกก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เจ้าหนูยังเล่นหางของตนเองอย่างเริงร่าด้วยซ้ำ จนกระทั่งผ่านไปครึ่งก้านธูป มันก็มีอาการกระสับกระส่าย เริ่มจากเอาอุ้งเท้าเขี่ยใบหูของตนเอง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องโวยวาย เอามือกุมหน้าอกและหน้าท้องสะเปะสะปะ ชักกระตุกอยู่ไม่เท่าไร ร่างกายอ้วนพีของเจ้าหนูก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็เหลือเพียงซากศพหนูที่แห้งกรังตัวหนึ่ง

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ชุยซื่อตื่นตระหนกจนเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากอาเจียนแห้งๆ ออกมา

ด้านหลันอ๋องหันไปมองฉวีชิ่นเหยาด้วยความหวาดกลัว “นี่มัน…”

หน้าที่แล้ว1 of 15

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com