ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 4 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 4

ฉวีชิ่นเหยาค้อมกายตอบว่า “เรียนท่านอ๋อง พิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่าเคียงคู่นิรันดร์ เป็นกู่ที่มีสองเพศ กู่ผูกใจสามารถล่อลวงจิตใจของบุรุษที่หมายปอง กู่พิษสามารถทำร้ายคนที่ต้องการจะกำจัดทิ้งได้ เป็นกู่ประหลาดอันดับหนึ่งที่โหดเหี้ยมหาใดเปรียบ เป็นอย่างที่ท่านเห็น สิ่งที่อยู่ในอาหารว่างชนิดนี้ก็คือกู่พิษ แต่สิ่งที่อยู่ในจอกสุราของซื่อจื่อคือกู่ผูกใจ หนูตัวเล็กจึงทำให้พิษกำเริบได้รวดเร็วกว่า ถ้าหากใช้กับคน จะต้องรอหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะเห็นผล”

หลันอ๋องเติบโตมาในวังหลวงตั้งแต่เล็ก เคยพบเห็นอุบายร้อยเล่ห์มารยาของสตรีมาจนชินตา แต่ไม่คิดว่าจะมีวันที่ผู้อื่นนำอุบายเช่นนี้มาใช้กับบุตรชายตนเอง เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ความเห็นอกเห็นใจที่เคยมีให้หลิงหลงแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังในพริบตา

“เจ้าถึงขั้นใช้กู่มาล่อลวงซื่อจื่อ เจ้าช่างบังอาจนัก!”

“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ” ชุยซื่อรีบแก้ต่างแทนหลิงหลง “ฟังความจากนักพรตหญิงเพียงข้างเดียวแล้วจะแน่ใจได้อย่างไร นางเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง อยู่ดีๆ มาแต่งกายเป็นนักพรต มีเรื่องน่าสงสัยอยู่เต็มไปหมด ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกต้มตุ๋นที่โผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้!”

ชุยซื่อหันไปทางฉวีชิ่นเหยาด้วยแววตาโกรธจัด “เจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าหลิงหลงเป็นคนใส่พิษกู่ลงไป ถ้าหากไม่มี เพราะอะไรถึงมาใส่ร้ายป้ายสีหลิงหลงเช่นนี้”

หลิงหลงร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจให้ดูน่าสงสาร “ไม่รู้ว่าหลิงหลงล่วงเกินท่านนักพรตหญิงท่านนี้ด้วยเรื่องใด ถึงได้มาสาดน้ำโคลนใส่หลิงหลงได้ พิษกู่ที่โหดเหี้ยมอำมหิตปานนี้ หลิงหลงไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่กล้ายอมรับอย่างเด็ดขาด”

ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาโดยแท้!

ลิ่นเซี่ยวหันไปส่งสายตาให้ฉางหรง ทางฝ่ายฉางหรงที่รับรู้ความนัยก็เดินออกไปไม่กี่ก้าวแล้วร่วมมือกับเว่ยปอ ช่วยกันยกบางสิ่งที่มีผ้าม่านสีดำห่อหุ้มย้ายไปตำแหน่งที่มีแสงสว่างในห้อง

เมื่อเลิกผ้าคลุมผืนนั้นขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าซึ่งเดิมทีลอยเจือจางอยู่ในห้องพลันทวีความเข้มข้นขึ้น ภายในผ้าม่านก็ปรากฏซากศพที่ไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นใคร ทุกส่วนบนร่างกายศพมีแต่รอยบวมน้ำและแผลพุพองเน่าเปื่อย บริเวณปากกับจมูกยุ่ยเละเทะจนกลายเป็นรูโหว่ดำมืด และมีน้ำหนองกำลังไหลซึมออกมา

หลันอ๋องหน้าเปลี่ยนสี ชุยซื่อกับพวกหลี่หมัวมัวยิ่งแตกตื่นจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ทันใดนั้นทุกคนต่างสะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เสียงอาเจียนในห้องจึงดังขึ้นเป็นระลอก

ลิ่นเซี่ยวรอให้ทุกคนอาเจียนออกมาพอสมควรแล้วก็รับจดหมายฉบับหนึ่งมาจากมือเว่ยปอ คลี่จดหมายออกจึงเห็นว่าบนกระดาษมีภาพเหมือนของสตรีนางหนึ่ง นางมีใบหน้างามพริ้มเพรา แต่ก็นับว่าอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น

“เจ้าคงจะรู้จักสตรีในภาพนี้กระมัง” ลิ่นเซี่ยวมองหลิงหลงอย่างเย็นชา

นับตั้งแต่ศพในห่อผ้าเปิดเผยสู่สายตาผู้คน หลิงหลงก็รู้ดีว่าตนเองสูญเสียความได้เปรียบไปแล้ว พอเห็นภาพเหมือนนี้ ใบหน้าของนางก็ยิ่งซีดขาว ร่างกายทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น

ลิ่นเซี่ยวถอนสายตากลับมา ส่งภาพเหมือนให้หลันอ๋อง “ตอนแรกที่หลิงหลงเพิ่งเข้าวังมา ลูกเคยให้คนวาดภาพเหมือนของนางเอาไว้แล้วส่งให้เว่ยปอนำไปสืบข่าวที่โยวโจว เมื่อถามกับจวนสกุลชุยที่โยวโจว แน่นอนว่าไม่ได้ความอะไร แต่พอเปลี่ยนมาถามกับญาติห่างๆ ร่วมสกุลของสกุลชุยเข้า ถึงได้สืบจนรู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดในที่สุด”

ระหว่างเล่าเรื่องเขาเหลือบมองชุยซื่อที่มีสีหน้าเขียวคล้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ “ญาติร่วมสกุลที่ว่านั้นเป็นญาติผู้น้องของนายท่านใหญ่แห่งจวนสกุลชุย มีชื่อว่าชุยจิ่งเซิง เนื่องจากเป็นสายที่แยกตัวออกมา ฐานะทางบ้านลำบากยากแค้น บิดามารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว มีเพียงน้องสาวคนเดียว…ซึ่งก็คือชุยหลิงหลง หลังจากชุยจิ่งเซิงแต่งงาน ภรรยาไม่ลงรอยกับน้องสาว พาลทำให้ชุยจิ่งเซิงรู้สึกว่าน้องสาวขัดหูขัดตาไปด้วย สามีภรรยาคู่นี้จึงใจร้ายกับนางไม่น้อย

ข้างบ้านของชุยจิ่งเซิงมีครอบครัวสกุลจูอาศัยอยู่ โรคระบาดร้ายแรงคร่าชีวิตของสามีภรรยาที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไป เหลือย่ากับหลานสองคนใช้ชีวิตประคับประคองดูแลกัน คนเป็นย่าล่วงเข้าวัยชราหูตาฝ้าฟาง เลี้ยงดูหลานสาวจูฉี่เอ๋อร์ด้วยสมบัติที่มีอยู่น้อยนิด ฐานะทางบ้านลำบากยิ่งกว่าสกุลชุย เรียกได้ว่าบ้านมีเพียงผนังสี่ด้าน

จูฉี่เอ๋อร์กับชุยหลิงหลงอายุไล่เลี่ยกัน ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง เนื่องจากทั้งสองนิสัยเข้ากันได้จึงสาบานเป็นพี่น้องกัน

มีอยู่วันหนึ่ง มีข่าวคราวส่งมาจากผู้สูงส่งในเมืองฉางอัน บอกว่าต้องการเลือกเฟ้นเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่น จากสกุลชุยสักคน เรียกตัวมาที่ฉางอันเพื่อเป็นอนุภรรยาของหลันอ๋องซื่อจื่อ ชุยจิ่งเซิงรู้ข่าวนี้ก็วางแผนจะใช้น้องสาวตัวเอง เสนอชื่อชุยหลิงหลงต่อหน้านายท่านใหญ่สกุลชุยหลายครั้ง

ผู้สูงส่งท่านนั้นอาศัยข้ออ้างกลับบ้านเดิมเยี่ยมญาติ ตั้งใจเดินทางจากฉางอันกลับโยวโจวเที่ยวหนึ่ง นางเลือกเด็กสาวที่เหมาะสมในสกุลชุยด้วยตัวเอง โดยมีพี่ชายที่บ้านเดิมหรือนายท่านใหญ่ให้ความช่วยเหลือ แต่ว่านางเลือกแล้วเลือกอีกก็มีแค่ชุยหลิงหลงคนเดียวที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่น รูปโฉมก็นับว่าเข้าตาใช้ได้…”

หลันอ๋องฟังมาถึงตรงนี้ ก็หันไปมองหน้าชุยซื่อด้วยสายตาสื่อความนัยคลุมเครือ เดิมทีชุยซื่อมีสีหน้าย่ำแย่อยู่แล้ว สายตาเช่นนี้ของหลันอ๋องยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเหมือนนั่งบนพรมเข็ม

“ขณะที่สกุลชุยเร่งฝึกฝนทักษะการดีดพิณ เล่นหมากล้อม คัดอักษร และวาดภาพให้น้องสาวคนนี้อย่างแข็งขัน จู่ๆ ชุยหลิงหลงกลับเสียชีวิตอย่างกะทันหันในคืนเดียว แผนการประจบเอาใจผู้มีอำนาจของชุยจิ่งเซิงต้องพังทลายจึงไม่ยอมรับเรื่องนี้ เขาไม่รู้สึกเสียใจกับการตายของน้องสาวเลย ได้แต่แค้นใจที่สูญเสียโอกาสที่จะมั่งคั่งร่ำรวยในชั่วพริบตา วันๆ ถอนหายใจคร่ำครวญ นิสัยเย็นชาแล้งน้ำใจ น่าผิดหวังยิ่งนัก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com