ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 4
ตอนที่ชุยจิ่งเซิงกำลังสิ้นหวังท้อแท้ใจ จูฉี่เอ๋อร์กลับเสนอชื่อตัวเองขึ้นมา บอกว่าขอแค่ชุยจิ่งเซิงไม่ถือสา นางยินดีเป็นต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ปลอมตัวเป็นชุยหลิงหลงไปฉางอัน เดิมทีจูฉี่เอ๋อร์หน้าตางดงามกว่าชุยหลิงหลงอยู่แล้ว ถ้าหากส่งไปฉางอัน เป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะคว้าหัวใจของซื่อจื่อไว้ได้ ชุยจิ่งเซิงดีใจจนออกนอกหน้า รีบพาจูฉี่เอ๋อร์ไปพบหน้าผู้สูงส่งในฉางอันทันที
ผู้สูงส่งจากฉางอันเห็นความงามโดดเด่นของจูฉี่เอ๋อร์ก็รู้สึกสนใจตั้งแต่แรก ยิ่งได้ยินว่าจูฉี่เอ๋อร์ยอมปลอมตัวเป็นชุยหลิงหลง มีหรือจะไม่ยอมรับนาง ส่งคนมาฝึกฝนจูฉี่เอ๋อร์นานหลายเดือน ค่อยสั่งให้คนมารับตัวนางไปฉางอัน วันนี้ลองคิดดูแล้ว บางทีผู้สูงส่งคนนั้นคงต้องการแค่สตรีรูปโฉมงดงามที่ยอมให้นางบงการตามใจ ส่วนจะแซ่ชุยหรือจริงหรือไม่ นางไม่ใส่ใจเลยสักนิดเดียว”
“เจ้าช่างกำเริบเสิบสานนัก!” โทสะของหลันอ๋องเพิ่มพูนเท่าทวี ตบโต๊ะเสียงดังตามแรงอารมณ์ ดวงตาโกรธเกรี้ยวมองไปทางชุยซื่อ
บ่าวไพร่ทั่วห้องต่างหวาดกลัวจนเงียบกริบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว
ชุยซื่อมีใบหน้าซีดขาวขบกัดริมฝีปาก ผ้าเช็ดหน้าม้วนพันระหว่างนิ้วมือแน่นหนา ยังเอ่ยอะไรออกมาได้ที่ใดกัน
ฉวีชิ่นเหยาลอบเหลือบมองลิ่นเซี่ยวที่ยังมีสีหน้านิ่งเฉย เป็นอุบายที่แยบยลเสียจริง วางแผนมานานถึงเพียงนี้ ดูเหมือนต้องการตรวจสอบจูฉี่เอ๋อร์ แท้จริงแล้วกลับทำทุกทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย พุ่งเข้าหาชุยซื่อทีละก้าว
นางเกิดในตระกูลชาวบ้านธรรมดา เรื่องบุญคุณความแค้นของตระกูลใหญ่โตสูงศักดิ์เพียงแค่เคยฟังผ่านหู ไม่เคยประสบกับตนเองมาก่อน คราวนี้ลิ่นเซี่ยวชนะได้โดยไม่ต้องรบให้เสียเลือดเนื้อ ก็สามารถจัดการชุยซื่อจนหมดเรี่ยวแรงตอบโต้ ช่วยเปิดหูเปิดตานางให้กว้างไกลขึ้นมากเลยทีเดียว
“น่าสงสารชุยหลิงหลงคนนั้น ตอนมีชีวิตอยู่ก็ถูกผู้อื่นใช้เป็นเครื่องมือ แม้กระทั่งโดนทำร้ายจนตายก็ไม่มีใครสืบหาสาเหตุ คนร้ายโชคดีหลบหนีเคราะห์กรรมไปได้ นับจากนั้นก็สามารถสวมรอยเป็นชุยหลิงหลง ใช้ชีวิตเสพสุขอย่างสำราญใจ ทว่าตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว สุดท้ายทำให้คนที่มีความพยายามสืบพบความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้”
ลิ่นเซี่ยวกล่าวพลางเดินเชื่องช้ามาถึงตรงหน้าศพ สั่งเว่ยปอให้ค่อยๆ ถอนเข็มเงินจากหลังคอของศพออกมาเล่มหนึ่ง
เข็มเงินเล่มนั้นยาวประมาณครึ่งฉื่อเศษ ตัวเข็มเปรอะเปื้อนรอยเลือดสีดำชัดเจน ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟสะท้อนประกายดำมืด มีความน่าสะพรึงกลัวที่อธิบายไม่ถูก
ลิ่นเซี่ยวใช้ผ้าเช็ดหน้ารับเข็มเงินเอาไว้ ลุกขึ้นยืนหันมองหลิงหลงที่หน้าซีดไร้สีเลือดไปนานแล้ว “จูฉี่เอ๋อร์ เจ้ายังจำเข็มเงินเล่มนี้ได้หรือไม่”
เมื่อเข็มเงินขยับเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมดอกกุ้ยที่หลิงหลงชอบที่สุดเมื่อครั้งยังมีชีวิตก็ซึมซาบผ่านปลายจมูกเข้ามา จูฉี่เอ๋อร์สั่นสะท้านในใจ หวาดผวาจนรีบเอียงศีรษะหลบไปอีกทาง ไม่กล้ามองอย่างเต็มตา
“เมืองโยวโจวที่เจ้าอาศัยอยู่มีร้านตีเหล็กทั้งหมดสามร้าน เจ้าจงใจเลือกร้านที่อยู่ห่างจากบ้านเจ้ามากที่สุด วาดรูปเข็มเงินแล้วให้ท่านย่าของเจ้าไปสั่งทำ จนตอนนี้ช่างตีเหล็กคนนั้นยังจดจำท่านย่าที่สูงวัยและหูตาฝ้าฟางของเจ้าได้ วาดภาพเหมือนของนางออกมาด้วยตัวเอง” เขากล่าว จากนั้นก็รับม้วนภาพอีกภาพหนึ่งมาจากเว่ยปอ สะบัดมันแผ่วเบาเพื่อคลี่ภาพออก บนกระดาษนั้นปรากฏภาพเหมือนของหญิงชราเส้นผมหงอกขาวทั้งศีรษะ
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” ลิ่นเซี่ยวหลุบสายตาลงมองจูฉี่เอ๋อร์ แววตาเหยียดหยามราวกับมองดูโคลนดินใต้ฝ่าเท้ากระนั้น
ในเวลานั้นเองแสงโคมภายในห้องพลันมืดสลัวลง มีกลิ่นอายเย็นเยียบไหลเวียนอยู่ในอากาศ ฉวีชิ่นเหยามีประสาทสัมผัสทั้งห้าเหนือคนธรรมดา จึงรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
นางเหลียวมองรอบกายด้วยความสงสัย ถอดกระดิ่งกลืนวิญญาณตรงคอออกมา กำเอาไว้ในฝ่ามืออย่างเงียบงัน
จูฉี่เอ๋อร์กลับมีท่าทีคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน ลุกพรวดเหยียดกายตรงมองไปทางลิ่นเซี่ยว “ภาพเหมือนนี้คือท่านย่าของข้าไม่ผิด แต่ว่าข้าไม่เคยเห็นเข็มเงินเล่มนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยใช้มันทำร้ายหลิงหลง อาศัยคำกล่าวอ้างของช่างตีเหล็กฝ่ายเดียว จะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนร้าย อีกทั้งตอนแรกเรื่องที่ข้ายอมเป็นต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ…ก็เป็นเพราะความยินยอมของชุยจิ่งเซิงทั้งนั้น ไม่ใช่ข้าเป็นฝ่ายรับอาสาเองสักหน่อย ถ้าหากซื่อจื่อกับท่านอ๋องไม่เชื่อ ก็ลอง…ลองให้ชุยจิ่งเซิงมายืนยันต่อหน้าข้าก็ได้ ชุยจิ่งเซิงไม่ลงรอยกับหลิงหลงมานานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเป็นฝีมือชุยจิ่งเซิงทำร้ายหลิงหลงแล้วโยนความผิดมาให้ข้า!”
สมเป็นคนไร้หัวจิตหัวใจโดยแท้!
ลิ่นเซี่ยวมองจูฉี่เอ๋อร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย วันที่พวกเว่ยปอกลับจากการไปสืบข่าวที่โยวโจว เล่าว่ายามชุยหลิงหลงยังมีชีวิตอยู่เคยเอาใจใส่ดูแลจูฉี่เอ๋อร์อย่างดีเพียงใด แม้ว่าชีวิตตนเองจะไม่ราบรื่นนักเพราะโดนพี่ชายกับพี่สะใภ้กลั่นแกล้ง แต่กลับให้ความช่วยเหลือสกุลจูอยู่บ่อยครั้ง
เรื่องอาหารการกินไม่ต้องเอ่ยถึง แม้กระทั่งเสื้อผ้ากับเครื่องประทินโฉมก็ไม่เคยขาด มีครั้งหนึ่งฮูหยินผู้เฒ่าจูล้มป่วย ชุยหลิงหลงก็ยังไปขอร้องพี่ชายให้เชิญหมอมารักษา หลังจากนั้นสกุลจูไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ก็ได้ชุยหลิงหลงควักเงินช่วยจ่ายอีกเช่นกัน
แต่ความช่วยเหลือทุกอย่างนี้นอกจากจะไม่ได้รับการตอบแทนจากจูฉี่เอ๋อร์แล้ว เพียงแค่เหยื่อล่อใจอย่างฐานะอนุภรรยาของซื่อจื่อ จูฉี่เอ๋อร์ก็โยนสายสัมพันธ์ดุจพี่น้องระหว่างพวกนางเอาไว้ข้างหลัง ลงมือสังหารอย่างเลือดเย็น เวลานี้หลักฐานประจักษ์ชัดกลับยังเล่นลิ้นอยู่อีก