มองไปก็เห็นเงาร่างบอบบางวูบผ่านเข้ามาจากด้านข้าง กระโจนเข้าใส่เจี่ยงซานหลางอย่างแรง ถัดจากนั้นชั่วอึดใจ เสียงฉีกกระชากของเสื้อผ้าและเนื้อหนังก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่ว อาบย้อมค่ำคืนนี้ด้วยกลิ่นคาวอันเข้มข้น
ในที่สุดเชือกของชิงซวีจื่อก็รุกไล่ตามมาทัน ลอยเข้ามัดร่างปีศาจจิ้งจอกเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะเหวี่ยงร่างนั้นลงพื้นราวกับลูกตุ้มหนักอึ้ง
“อาเมี่ยว!” เจี่ยงซานหลางรู้สึกตกใจระคนเจ็บปวด รีบประคองร่างสตรีที่ฟุบคาอกของตนวางลงบนพื้น ทุกส่วนที่มือสัมผัสถึงเต็มไปด้วยของเหลวข้นคลั่กอุ่นร้อน เลือดสีแดงฉานยังไหลทะลักไม่ขาดสายทำให้ใต้ร่างของสตรีนางนี้ราวกับมีบุปผางดงามสะเทือนขวัญค่อยๆ ผลิบาน
แค่มองดูก็รู้ว่าคงไม่รอดแล้ว…
ฮูหยินหลูกั๋วกงมองอาเมี่ยวอยู่ด้านหลังเจี่ยงซานหลางด้วยแววตาซับซ้อน สักพักใหญ่ก็ถอนหายใจเบาๆ พลางสั่งกำชับพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างกาย “ทำพิธีอย่างสมเกียรติเถอะ” จากนั้นจึงให้สาวใช้ประคองเดินกลับเข้าไปข้างในด้วยความเหนื่อยล้า
คนที่เหลือต่างค่อยๆ ทยอยแยกย้ายออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง
อาเมี่ยวไม่รับรู้บรรยากาศรอบข้างเลยสักนิด นางเพียงแค่คว้าแขนเสื้อของเจี่ยงซานหลางเอาไว้สุดแรง เอ่ยเรียกด้วยเสียงอ่อนระโหย “ซานหลาง…”
แววตาของเจี่ยงซานหลางปรากฏความเสียใจอย่างลึกล้ำ ไม่มีความร้อนแรงอย่างเมื่อก่อนแล้ว
อาเมี่ยวเริ่มเข้าใจกระจ่างชัด “ท่านตื่นแล้วหรือ” นางยิ้มบางๆ อย่างละอายใจ “คงรังเกียจข้ามากใช่หรือไม่…”
เจี่ยงซานหลางกลืนน้ำลายอยู่อย่างนั้น อารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคอ แทนที่จะบอกว่า ‘รังเกียจ’ ไม่สู้บอกว่า ‘อัปยศอดสูเหลือจะกล่าว’ ความหยิ่งทะนงและศักดิ์ศรีตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาถูกสตรีตรงหน้าทำลายจนป่นปี้ เหมือนเขามองเห็นนางมีความสุขสมใจเพียงใดท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของเขา ลอบยิ้มเยาะว่าที่แท้คนผู้หนึ่งก็กลายเป็นเหยื่อในกำมืออย่างง่ายดายเช่นนี้
ในอกเขาเจ็บปวดร้าวราน แค่เอ่ยปากก็จะกระชากบาดแผลที่ไม่อาจเยียวยาให้เปิดกว้าง
ประกายในแววตาของอาเมี่ยวค่อยๆ หม่นแสงลง นางนิ่งมองเจี่ยงซานหลางอยู่พักใหญ่ ฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยว่า “ความจริงที่ข้าช่วยท่านเมื่อครู่ ก็ยังทำไปเพื่อตัวข้าเองอยู่ดี…ท่านคิดดูสิ เรื่องที่ข้าใช้กู่ถูกเปิดเผยแล้ว…ดูจากนิสัยของฮูหยินท่านกั๋วกง ไม่มีทางปล่อยข้ากับครอบครัวไปแน่…แทนที่จะปล่อยให้นางมาลงโทษ ไม่สู้ให้ข้าสละชีวิตช่วยท่าน…ฮูหยินท่านกั๋วกงแยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจน คงเห็นแก่ความดีที่ข้าทำทดแทน คิดว่า…คิดว่าคงไม่ทำให้น้องชายข้าต้องลำบากแล้ว…”
อาเมี่ยวเรี่ยวแรงถดถอยไปทีละน้อย เสียงจึงยิ่งแผ่วเบาเลื่อนลอย “ท่านดูสิ ข้าก็เป็นคนใจแคบเห็นแก่ตัวเช่นนี้ ไม่ว่าเมื่อไรก็คิดทำเพื่อตัวเองและครอบครัวเท่านั้น…”
น้ำเสียงของนางไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน ราวกับว่าเขาเลิกประชุมเช้าแล้วกลับมาที่เรือนจู่ชิ่น นางเดินออกมาต้อนรับตรงทางเดินด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แสงแดดลอดผ่านกิ่งก้านต้นไผ่สีเขียวสดสาดส่องกระทบใบหน้าของนาง
‘กลับมาแล้วหรือ’ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนท่ามกลางกลิ่นหอมรวยรินของต้นไผ่ ช่วยชะล้างอารมณ์หงุดหงิดที่สะสมมาหายไปอย่างง่ายดาย
หวังเหลือเกินว่าชั่วขณะนี้จะเป็นแค่ความฝัน ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องลำบากใจถึงเพียงนี้ ไม่ให้อภัยเขาก็ทนไม่ได้ อภัยให้เขาก็ไม่ยินยอม เรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมาตราตรึงอยู่ในใจทุกหยาดหยด เขาหลงใหลเคลิบเคลิ้มอยู่กับการหลอกลวงครั้งใหญ่
ความโกรธเคืองถาโถมเหนือความเศร้าเสียใจ เจี่ยงซานหลางยืดกายเหยียดตรงโดยพลัน เกิดระยะห่างขึ้นระหว่างคนทั้งสอง มือของอาเมี่ยวที่วางแนบใบหน้าของเขาร่วงหล่น วางนิ่งอยู่ข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง
รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งค้าง เขาเกลียดนาง เขาเกลียดนางอย่างชัดเจน ความคาดหวังที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดในใจไร้ที่หลบซ่อน ความรักใคร่ผูกพันในวันวานสุดท้ายกลายเป็นภาพลวงตา
เมื่อข้อมือกระทบกับพื้นดินก็มีเสียงดังกริ๊ง
นางจำได้ว่านี่เป็นกำไลที่เขาซื้อจากหอไจเยวี่ยกลับมาฝากนางในเทศกาลหญิงสาว ครอบครัวนางมีฐานะยากจนข้นแค้นมาตั้งแต่นางยังเล็ก ไม่รู้หรอกว่าจะแยกแยะสิ่งของมีราคาเช่นไร แต่ประกายแวววาวอบอุ่นของกำไลก็ทำให้นางมองออกว่าของสิ่งนี้มีค่าควรเมือง
‘ชอบหรือไม่’ จำได้ว่าตอนนั้นรอยยิ้มของเขาสว่างเจิดจ้า นำกำไลสวมข้อมือให้นางด้วยตนเอง นางยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ สายตาจดจ้องราวกับเถาวัลย์เลื้อยพัวพันเขาเอาไว้ สุดท้ายไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายทำให้ลมหายใจใครปั่นป่วนก่อนกัน กลิ่นอายหอมหวานอบอวลไปทั่วห้อง นางจมอยู่ในอ้อมกอดของเขา
แล้วต่อมาเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นางจำได้อย่างเลือนรางว่าหลายครั้งหลายคราโดนปีศาจร้ายควบคุม ไม่อาจรักษาสติรับรู้เอาไว้ได้ตลอดเวลา ประเดี๋ยวเย็นชาประเดี๋ยวเกรี้ยวกราดใส่เขา แต่ว่าเขาก็ยังดีต่อนางอย่างเต็มที่ในแบบของเขา ไม่เคยทอดทิ้งกันไปที่ใด เป็นเช่นนั้นเสมอมา
บริเวณหางตามีบางสิ่งร้อนชื้นไหลผ่านไป ใบหน้าของเขาพร่าเลือนมากขึ้นทุกที นางรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายถามเขาด้วยเสียงอ่อนแรง
“ซานหลาง…ถ้าหากไม่มีกู่เคียงคู่นิรันดร์ ท่านจะตกหลุมรักข้าเหมือนตอนนั้นหรือไม่”