บทที่ 2 ชอบนะคะ อยากได้
“แกชัวร์ใช่ไหมว่าพี่วินเขาโสดจริงๆ” ปภาวรินท์กำส้อมคันเล็กในมือแน่น ดวงตาคู่งามเปล่งประกายแห่งความหวัง
“อือ แกจำที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าญาติฉันอุตรินึกอยากทำคอนโดฯ ขายขึ้นมา แล้วนางก็ไปจ้างบริษัทของพี่วินให้ช่วยออกแบบให้ เพราะนางประทับใจงานตึกที่ไหนสักงานของพี่เขานี่แหละ ปรากฏกำไรดีนางก็เลยทำต่อมาเรื่อยๆ ปีละตึกสองตึกแล้วแต่อารมณ์ พอดีฉันรู้มาว่านางกำลังจะสร้างคอนโดฯ ใหม่และนัดคุยกับบริษัทสถาปนิก ฉันเลยแกล้งเสนอหน้าไปเจอนาง ปรากฏว่าฉันได้เจอผู้หญิงคนที่ยืนคุยกับพี่วินวันนั้นด้วย” ปริยากรเล่าไปใช้หลอดจิ้มน้ำแข็งในแก้วกาแฟเล่นไป
“หือ?”
“เขาแนะนำตัวว่าชื่อณัฐรัมภา* เป็นอินทีเรียของบริษัท Archwin ฉันแกล้งแย็บไปว่าเคยเห็นเขาอยู่กับพี่วิน เหมือนแฟนกันเลย เขาเลยบอกว่าพี่วินโสด ส่วนตัวเขามีแฟนแล้วและมีแผนจะแต่งงานด้วย…จะว่าไปอินทีเรียคนนี้ก็ดูฉลาดและน่าจะรู้ทันนะว่าฉันแกล้งแย็บหาข้อมูล แต่ก็เอาเหอะ”
ปภาวรินท์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงฉีกยิ้มเท่านั้น ซึ่งพอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนสนิทแล้วคนที่สู้อุตส่าห์ไปหาข่าวมาให้ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
“ข่าวสารนั้นหายาก ต้องลำบากขับรถไป รู้ว่าเขาโสดแล้วห้ามให้ความพยายามในการสืบของฉันเสียเปล่านะโว้ย”
“แหม แกอ่า” คนตัวเล็กทำปากยื่น “ถึงฉันจะปลื้มเขามานานแต่ก็เป็นการปลื้มแบบเด็กๆ ปลื้มในจินตนาการ ฉันยังไม่ได้รู้จักเขาดีพอเลยนะ แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะหาทางทำความรู้จักเขาแหละ ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้ว”
“ก็ดี เพราะขืนแกยังจะปอดแหก เก็บเขาไว้เป็นเจ้าชายในมโนของตัวเองต่อไปทั้งที่ฉันอุตส่าห์ไปสืบข่าวให้แล้ว ฉันจะสาปแกจนสิ้นแสง!” ปริยากรประกาศ
“ปีย่า วันนี้ฉันเลี้ยงขนมเลี้ยงกาแฟแกนะ แกจะมาร้ายกับฉันแบบนี้ไม่ได้สิ”
“อ้อยเข้าปากช้าง ขนมเข้าปากฉันไปแล้ว ทวงบุญคุณไปก็เท่านั้นแหละ” ปริยากรลอยหน้าลอยตา ขณะเดียวกันก็แอบนึกขำอยู่ในใจเมื่อเห็นหน้าตายู่ยี่ของเพื่อน
ไอ้ปินนี่แกล้งสนุกจริงๆ!
“เอาล่ะ แล้วแกวางแผนจะเข้าไปตีสนิทกับพี่วินยังไงบ้างล่ะ”
“ก็ยังคิดอยู่ ฉันไม่มีโครงการอะไรให้เขาทำอย่างญาติแกด้วยสิ จะจ้างเขาสร้างบ้านก็ไม่มีเงิน ใกล้เคียงที่สุดคือให้เขาตกแต่งคอนโดฯ ห้องจิ๋วของฉันใหม่ ซึ่งถ้าติดต่อให้เขาทำนี่แทนที่จะได้ผูกสัมพันธ์ก็อาจโดนมองแรงอ่ะนะ” ปภาวรินท์ถอนหายใจเฮือกแล้วตักเค้กเข้าปาก
“ฉันว่าแกจะโดนมองแรงใส่ถ้าไปพูดว่าไม่มีเงินให้คนอื่นได้ยินมากกว่า” ปริยากรบอก แต่ก็รู้ดีว่ามันเป็นความจริง
มันก็ไม่ใช่ว่าลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวประดิษฐ์จะยากจนข้นแค้นขนาดนั้น เพียงแต่เธอก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดที่จะใช้เงินเจ็ดหลักได้แบบไม่ต้องคิดเหมือนกัน คนที่รวยคือพ่อของเธอ พี่สาวต่างแม่ของปภาวรินท์มักขอนู่นขอนี่จากพ่อ ซึ่งท่านก็มักให้ตามประสาพ่อที่รักลูกสาว ขณะที่ปภาวรินท์เองไม่ค่อยได้ขออะไรมากนักด้วยไม่อยากมีปัญหากับรัญชนาซึ่งจงเกลียดจงชังน้องสาวไม่เลิก
“หรือว่าฉันจะชวนคุณพ่อทำอะไรสักอย่างแล้วให้แกมาแจมดี” ปริยากรทำท่าครุ่นคิด
“แล้วฉันจะไปแจมกับโครงการบ้านแกได้ไง”
“แกก็ลาออกจากบริษัทแล้วย้ายมาทำงานกับฉันไง พ่อฉันให้บัตรวีไอพีกับแกอยู่แล้ว เลือกตำแหน่งมาเลย แกไม่ต้องเสี่ยงภัยพี่สาวด้วย ดีจะตาย”
“ไอ้บ้า หาเรื่องให้โดนป๊าด่าแบบแพ็กคู่ชัดๆ” ปภาวรินท์ตวัดสายตาค้อน ขณะที่ผู้เป็นเพื่อนหัวเราะอย่างขบขัน
“เอ้อ ฉันนึกออกแล้ว” อยู่ดีๆ ปริยากรก็หยุดหัวเราะแล้วทำท่านึกขึ้นได้ “โครงการยักษ์โครงการนั้นของป๊าแกไง ที่จะเอาโรงแรมเจ๊งแล้วมาทำใหม่น่ะ”
“อ๋อ” สาวร่างเล็กพลอยนึกขึ้นได้ด้วย “แต่แหม โครงการยักษ์แถมมีต่างชาติร่วมทุน ต่อให้เป็นฉันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไปเจ๋อ เสนอให้ใช้บริษัทไหนทำก็ได้นะ”