บทที่ 3 บ้าน
ปภาวรินท์หมุนพวงมาลัยพารถถอยเข้าสู่โรงจอดรถภายในเขตคฤหาสน์พร้อมพิพัฒน์ของเจ้าสัวประดิษฐ์ โรงรถนี้ยาวเหยียด สามารถใช้จอดรถได้นับสิบคัน พื้นที่ถูกจับจองเกือบเต็ม ทั้งหมดล้วนเป็นรถหรูแบบที่ทำให้รถมินิของเธอดูธรรมดาไปเลยทีเดียว
รถสปอร์ตสุดเก๋คันเล็กที่จอดอยู่ข้างๆ ทำให้เธอต้องระบายลมหายใจออกมา เพราะมันคือรถของรัญชนา เมื่อรถอยู่แสดงว่าเจ้าของอยู่ ถึงแม้บางทีพี่สาวต่างแม่ของเธอจะเอารถสปอร์ตเครื่องแรงราคาแพงของพี่ชายไปใช้บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนักเพราะมันขับยากกว่า และสำหรับวันนี้เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอารถของรัชนาทไปขับ
“ไม่มีทางเลือกอยู่ดี” หญิงสาวคว้ากระเป๋าจากเบาะข้างๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ แต่เดินไปไม่กี่ก้าวรถสปอร์ตสีเหลืองบาดตาก็พุ่งปราดเข้ามา เธอเลยหยุดยืนรอ ความโล่งใจเอ่อขึ้นมาในอกขณะยืนมองรถคันสวยถูกพาเข้าซองจอดอย่างคล่องแคล่ว
“ว่าไงปิน เพิ่งมาถึงเหมือนกันเหรอ” ชายหนุ่มร้องทักทันทีที่ลงจากรถ
“อื้อ” ปภาวรินท์ส่งยิ้มให้พี่ชายต่างแม่…แม้รัชนาทจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของรัญชนา ทว่าเขาปฏิบัติต่อเธอดีกว่ามาก ดังนั้นเธอจึงสนิทกับเขาพอสมควร
“อืม วันนี้เหมือนพี่จะไม่เจอเราที่บริษัทเลยนะ” รัชนาทเลิกคิ้วขณะโอบไหล่น้องสาวคนเล็กหลวมๆ รั้งให้เธอเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
“วันนี้ตอนบ่ายปินออกไปดูงานดิสเพลย์ข้างนอกมา”
“อ้อ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ โอเคไหม”
“เรียบร้อยดี” ปภาวรินท์พยักหน้าหงึกหงัก
ถึงจะทำงานอยู่ตึกเดียวกันแต่หญิงสาวก็ไม่ค่อยได้เจอสมาชิกในครอบครัวเท่าไหร่ เนื่องจากทั้งพ่อและพี่ทั้งสองคนทำงานเป็นผู้บริหาร ส่วนเธอทำงานด้านออกแบบอยู่ที่ชั้นล่างเหมือนพนักงานทั่วไป…อันที่จริงเจ้าสัวประดิษฐ์ก็ตั้งใจจะหาตำแหน่งบริหารให้เธอเหมือนกัน แต่เธอปฏิเสธและอ้างไปว่าอยากเริ่มทำงานแบบคนทั่วไปแล้วค่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ ท่านชมว่าเธอคิดดี ทว่าความจริงก็คือเธอไม่อยากไปอยู่ใกล้รัญชนา
ขนาดตอนเธอเรียนจบแล้วพ่อซื้อรถมินิคันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เป็นของขวัญ พี่สาวต่างแม่ยังหาเรื่องเธอชุดใหญ่ กระทั่งประดิษฐ์ซื้อรถให้อีกฝ่ายบ้างเธอจึงได้อยู่อย่างสงบ ดังนั้นการไปทำงานอยู่ชั้นเดียวกับรัญชนาก็น่าจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิตของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
สองพี่น้องเดินคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเข้าไปในบ้านแล้วพบกับรัญชนาที่เดินลงบันไดมาพอดี อีกฝ่ายดึงหน้าทันทีที่เห็นน้องสาวต่างแม่
“ไงรัญ วันนี้กลับบ้านเร็วนะเรา พี่นึกว่าค่ำนี้จะไปปาร์ตี้เสียอีก ได้ยินว่ามีหลายงานเลย”
“พี่รัชก็เหมือนกันน่ะแหละ ทำไมวันนี้ไม่ไปงานอะไร” รัญชนาถามกลับ ไม่เหลือบแลปภาวรินท์
“เหนื่อยน่ะสิ สัปดาห์นี้พี่ไปงานเลี้ยงงานศพหลังเลิกงานมาสี่วันติดแล้ว เมื่อวันก่อนก็รถติดนรกแตก กว่าจะถึงบ้านก็เที่ยงคืน” ผู้เป็นพี่ชายกลอกตา ขณะเดียวกันก็ขยับรั้งน้องสาวคนเล็กให้เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน
ปภาวรินท์ไม่อาจต้านทานแรงรั้งจึงได้แต่ก้าวเท้าตาม ทว่าในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล เนื่องจากพี่สาวยังยืนขวางอยู่กลางบันได และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอกล้าพนันเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่หลบแน่ แต่กระนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ เนื่องจากอยู่ดีๆ พี่ชายก็จับเธอย้ายไปอยู่ที่อีกฝั่งของเขาก่อนจะก้าวขึ้นบันได เพื่อช่วยให้เธอไม่ต้องปะทะกับรัญชนาตรงๆ
น้องสาวคนโตถลึงตาใส่พี่ชาย ขณะที่เขายิ้มตอบกลับไปแบบไม่รู้สึกรู้สา ผลคือโดนอีกฝ่ายกระแทกไหล่ตอนเดินสวนกัน และเมื่อชายหนุ่มหันไปมองน้องสาวคนเล็ก เขาก็ได้รับรอยยิ้มขอบคุณเป็นของกำนัล
ตั้งหลายปีแล้วยายรัญก็ยังไม่ยอมรับความจริงเสียทีว่ามีน้องสาวอีกคน ทั้งที่ตอนม้ายังอยู่ ท่านก็ไม่เคยพูดหรือสั่งสอนให้เกลียดอีกบ้านแท้ๆ รัชนาททั้งเหนื่อยใจกับน้องสาวคนโตและเห็นใจน้องสาวคนเล็กไปพร้อมกัน