ปกติแล้วที่บ้านของเขาไม่ค่อยได้กินมื้อเย็นร่วมกันเท่าไหร่ ทั้งประดิษฐ์ ตัวเขา รวมถึงรัญชนามักจะมีงานสังคมต้องไปร่วมหรือมีนัดหลังเวลางานเป็นปกติ ส่วนปภาวรินท์ไม่ค่อยออกงาน เธอไปอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ ที่ประดิษฐ์ซื้อให้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาก็พอจะเข้าใจเหตุผลของเธอ ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากอยู่ในบ้านที่มีคนเกลียดตัวเองอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามประดิษฐ์ขอร้องปภาวรินท์เอาไว้ว่าให้กลับมากินมื้อเย็นที่บ้านและค้างคืนสักสัปดาห์ละหน ซึ่งหญิงสาวก็ปฏิบัติตามโดยดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา…ปกติจะมีการนัดกันก่อน แล้วประดิษฐ์ก็จะบอกแม่บ้านไว้ว่าลูกสาวคนเล็กจะมาเพื่อที่จะได้เตรียมอาหารเย็นไว้ แน่นอนว่ารัญชนาต้องทราบเหมือนกันและเธอก็มักจะอยู่ร่วมมื้อเย็นในวันนั้นด้วยเสมอ ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะมีแผนอะไรในตอนเย็นก็ตาม
“เออ พรุ่งนี้ปินมีแผนอะไรไหม พี่จะไปงานของบ้านไอ้วุธ สนใจไปด้วยกันหรือเปล่า หมอนั่นเพิ่งบ่นกับพี่ว่าไม่ได้เจอปินมาพักหนึ่งแล้ว”
“ปินนัดช่างมาล้างแอร์น่ะสิ โทษทีนะ” แม้ปากจะบอกขอโทษ แต่แท้จริงแล้วปภาวรินท์โล่งใจมากทีเดียวที่สามารถปฏิเสธพี่ชายได้โดยไม่ต้องโป้ปด
“อ้าวเหรอ เสียดายจัง” รัชนาทพึมพำบ่น ก่อนจะปล่อยมือจากน้องสาวเมื่อเดินมาถึงประตูห้องของเธอ “เอ้า เดี๋ยวเจอกันอีกทีข้างล่างนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับทั้งรอยยิ้ม จากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้องพักที่จะมาใช้งานสัปดาห์ละหน พอหย่อนกระเป๋าสะพายลงบนเตียงแล้วเธอก็ถอนหายใจเฮือก…อะไรพี่ชายของเธอก็ดีไปหมดน่ะแหละ ยกเว้นเรื่องที่พยายามเชียร์ธราวุธซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาให้เธอเหลือเกิน
อันที่จริงธราวุธก็ไม่แย่ เขาเป็นลูกชายนักการเมือง เป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ หน้าตาดี เป็นนักเรียนนอก และเป็นคนเอาการเอางานใช้ได้ นิสัยก็ดูเหมือนจะโอเค เขาเพิ่งมาจีบเธอเมื่อปีก่อนทั้งที่รู้จักกันมานานแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงเกิดประทับใจเธอขึ้นมา ปัญหาคือเธอกลับไม่ได้รู้สึกนึกชอบพอเขาไปมากกว่าพี่ชาย แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนพี่ชายเลยเป็นการยากที่จะกำจัดเขาไปอย่างเด็ดขาดเหมือนคนอื่น
แหม ถ้าพี่วินเป็นเพื่อนพี่รัชก็ดีน่ะสิ…
“พวกแกสองคนนี่มันยังไงวะ หน้าตาก็ดี การงานก็ดี ดันไม่มีผู้หญิงเอาทั้งคู่” ทรงพลมองชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่สบอารมณ์
“พ่อพูดแบบนี้พวกเราเสียหายนะ ไม่ใช่ผู้หญิงไม่เอาเราอย่างเดียวเสียหน่อย บางทีเราก็ทิ้งผู้หญิงเองบ้างเหมือนกัน” อาชวินพูดกลั้วหัวเราะขณะใช้ส้อมจิ้มหมูมะนาวเข้าปาก
คืนนี้เขามาค้างที่บ้านของวีรากร เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนผู้ซึ่งกลายมาเป็นหุ้นส่วนร่วมก่อตั้งบริษัท Archwin ด้วยกัน ปัจจุบันแทบจะเหมือนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา กระทั่งเขายึดพ่อของอีกฝ่ายมาเป็นพ่อตัวเองด้วยแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังประกอบกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ยามมีโอกาสอยู่พร้อมหน้ากันสามคนช่วงสุดสัปดาห์ นั่นคือตั้งวงสังสรรค์
“เลือกแม่ของลูกก็ต้องเอาที่ดีๆ สิ คว้าสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง” วีรากรซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาชงเหล้าพูดเสียงต่ำ
“ไม่ต้องมาพูดดี แกน่ะตัวดีเลยไอ้วี” ผู้เป็นพ่อถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง “ไอ้วินยังมีแฟนบ้าง แฟนคนล่าสุดของแกตั้งกี่ปีแล้ว ตอนแรกบอกว่าให้บริษัทอยู่ตัวก่อนค่อยหาเมีย นี่อยู่จนรากจะงอกแล้วก็ยังไม่เห็นมีผู้หญิงสักคน แกเป็นสถาปนิกนะไม่ใช่ฤาษีบำเพ็ญตบะ!”
ลูกชายเงยหน้าขึ้นมาทำท่าเหนื่อยหน่าย ทว่าเขาก็ไม่เถียงอะไรแล้วก้มลงไปชงเหล้าต่อ ปล่อยให้เพื่อนสนิทพูดแทน
“พวกเราไม่เตะถ่วงเรื่องนี้หรอกพ่อ แต่มันไม่มีคนที่เหมาะจริงๆ จะให้ทำไง”
ทรงพลพยักหน้าแกนๆ คร้านจะบ่นอีก อย่างไรเสียปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ก็ต้องตามใจผู้นอน ยุคสมัยนี้ใช่จะบังคับจับคลุมถุงชนกันได้เหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ในฐานะคนเป็นพ่อ ท่านก็อยากให้ลูกชายคนเดียวกับชายหนุ่มอีกคนที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ มีครอบครัวมั่นคงเสียที
“พ่อเคยทำงานกับเจ้าสัวประดิษฐ์ไหม เขาเป็นยังไงบ้าง” อาชวินรีบเบี่ยงเบนประเด็นสนทนา