LOVE
ทดลองอ่าน ปภาวินท์ บทที่ 5
“เชิญนั่งเลยครับน้องปิน” อาชวินขยับนั่งตัวตรงเมื่อเห็นสาวร่างเล็กเดินมา และเมื่อเธอนั่งเรียบร้อยแล้วเขาก็ผายมือแนะนำ “ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำหุ้นส่วนหน่อย…นี่วีครับ”
“สวัสดีค่ะ สมัยเรียนปินเคยเจอพี่วีด้วยล่ะ ขอเรียกแบบนี้นะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ทั้งรอยยิ้มสดใส พอเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วก็อธิบายต่อ “ตอนนั้นปินซุ่มซ่ามเปิดแฟ้มงานทิ้งไว้ พอลมพัดมางานปลิวกระจาย พี่วีเดินผ่านมาพอดีก็เลยช่วยปินไล่เก็บงานอยู่ตั้งนาน มีแผ่นนึงต้องกึ่งๆ ปีนไปเก็บบนต้นไม้ด้วย”
วีรากรเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ารับ “พอพูดว่าปีนต้นไม้พี่ก็จำได้รางๆ…บังเอิญจริงๆ นะ”
ปภาวรินท์ยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี เรื่องนี้เธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังแม้แต่ปริยากร…ตอนนั้นเธอไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักกับอาชวินก็จริง แต่ด้วยความที่คอยเฝ้ามองทำให้คุ้นหน้าคุ้นตาเพื่อนสนิทของเขาอย่างวีรากรไปด้วย และเมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์นั้นเธอก็ไม่แปลกใจที่พบว่าอาชวินเป็นผู้ชายใจดีมีน้ำใจ เป็นเพื่อนสนิทกันได้ยาวนานขนาดนี้ย่อมต้องมีนิสัยคล้ายคลึงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นแหละ
รอยยิ้มของหญิงสาวสดใสสว่างไสวเสียจนวีรากรซึ่งปกติมีบุคลิกค่อนข้างเคร่งขรึมยังอดยิ้มตอบไม่ได้ และอาชวินก็สังเกตเห็นมัน
“น้องปินนี่ความจำดีมากเลยนะ ขนาดผ่านมาเป็นสิบปีแล้วยังจำหน้าวีได้”
“พี่วีถือเป็นผู้มีพระคุณของปินเลยนะคะ ถ้าวันนั้นไม่ได้พี่วีนี่ปินแย่แน่ๆ อีกอย่างพี่วีก็ถือเป็นคนดังคนนึงของคณะสถาปัตยฯ ด้วย” ปภาวรินท์ยิ้มเขินๆ ก่อนจะหันไปเปิดถุงผ้าเพื่อหยิบแฟ้มออกมา “เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาพวกพี่ๆ”
พูดตามจริง เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่หญิงสาวพยายามหาทางเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรีโนเวตโรงแรมหรือที่ตอนนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘เดอะไพรด์’ เธอก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นได้มาเป็นคนบรีฟรายละเอียดการประกวดออกแบบให้สองหนุ่มสถาปนิกแห่ง Archwin ฟังเองแบบนี้
หลังจากประดิษฐ์ไปคุยกับรัชนาท พี่ชายก็มาสัมภาษณ์เธอ พอเห็นว่าเธอมีความรู้เรื่องการประกวดออกแบบแถมมีบริษัทสถาปนิกที่น่าสนใจอยากเสนอสองสามแห่ง เขาเลยดึงเธอเข้าไปร่วมประชุมกับนักลงทุนที่บินมาจากสิงคโปร์ทันที ซึ่งก็ต้องขอบคุณปริยากรด้วยที่ให้ข้อมูลเสริมมา ไม่อย่างนั้นเธอคงรู้จักแค่ Archwin ซึ่งมันอาจทำให้ดูเหมือนมีฉันทาคติได้ถ้าคนอื่นๆ ทราบว่าเธอรู้จักกับเจ้าของบริษัทเป็นการส่วนตัว
ในห้องประชุมมีการตกลงรายละเอียดสำคัญหลายอย่าง รวมถึงเลือกบริษัทสถาปนิกที่จะเชิญมาร่วมประกวดออกแบบ ซึ่งในจำนวนนั้นมีสองชื่อที่ปภาวรินท์เสนอไป รัชนาทเลือกอนุชาซึ่งเป็นพนักงานที่เคยมีแบ็กกราวนด์ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาช่วยงานนี้ และมอบหมายให้เขาเป็นคนติดต่อประสานงานกับบริษัทสถาปนิก เธออาสามาช่วยด้วย หลังจากไปนั่งฟังวิธีบรีฟงานกับบริษัทสถาปนิกหนึ่งมาแล้ว ปภาวรินท์ก็ได้รับอนุญาตให้ฉายเดี่ยวมาบรีฟงานให้กับบริษัทสถาปนิกสองแห่งที่เธอเสนอชื่อไป โดยก่อนจะมาที่นี่เธอเพิ่งไปบรีฟงานให้อีกบริษัทมา
พูดตามตรง หญิงสาวต้องการเก็บประสบการณ์ให้มากที่สุดเพื่อจะได้รู้ว่าควรบอกอะไรกับอาชวินบ้าง…เธอก็ไม่ได้อยากเป็นคนลำเอียงหรอกนะ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา
“นี่แฟ้มค่ะ พวกพี่ๆ ดูกันก่อน เดี๋ยวปินจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
อาชวินรับแฟ้มไปเปิดดู วีรากรยื่นหน้าไปอ่านด้วย ขณะที่ปภาวรินท์ก็มองภาพเจริญหูเจริญตาเพลิน…อาชวินนั้นหล่อเหลาเข้าสเป็กเธออยู่แล้ว ส่วนวีรากรนั้นหน้าตาเป็นสไตล์ที่ปกติไม่ค่อยเข้าตาเธอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์เอาเรื่องทีเดียว
หญิงสาวรอจนกระทั่งอาชวินหันมาจึงค่อยเปิดปากอธิบายโจทย์ของการออกแบบครั้งนี้เสริมเพิ่มจากรายละเอียดในแฟ้ม ซึ่งมันก็เกือบจะเป็นการคุยระหว่างเธอกับเขาตามลำพัง เนื่องจากวีรากรแทบไม่ได้ปริปากเลย แต่ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาวางใจอยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทจะไถ่ถามรายละเอียดปลีกย่อยจนครบถ้วนเอง
“ครึ่งเดือน” อาชวินหันไปยิ้มกับเพื่อนและส่งแฟ้มให้อีกฝ่าย
“ครึ่งเดือน” วีรากรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เดดไลน์ของการประกวดออกแบบครั้งนี้
“ปกติพวกพี่ทำงานกันเร็วแบบนี้เสมอเหรอคะ” คำถามของปภาวรินท์ดึงให้สองหนุ่มหันมามองโดยพร้อมเพรียง เธอเลยยิ้มแห้งๆ “คือปินว่างานใช้ไอเดียแบบนี้มันยากมากเลยนะ ไหนจะรายละเอียดนู่นนี่ เวลานิดเดียวเอง ปินถามพี่คนที่เขาโทรไปคุยเรื่องการประกวดแบบกับพี่วิน เขาบอกว่าเดดไลน์แบบนี้เป็นเรื่องปกติ”
“เดดไลน์แบบนี้เป็นเรื่องปกติจริงๆ ครับ” อาชวินหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเหลือบไปมองเพื่อน “สั้นกว่านี้ก็มี สั้นที่สุดเท่าที่พวกเราเคยทำนี่กี่วันนะ…สามวัน?”
“สามวัน” วีรากรช่วยยืนยัน “ขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่โอนเนอร์ต้องการด้วยครับ ถ้าไม่ละเอียดมากก็เดดไลน์สั้นๆ รายละเอียดเยอะก็ครึ่งเดือนหรือเดือนนึง”
“เคยมีงานที่เดดไลน์สั้นมาก แล้วสุดท้ายพวกเราชนะประกวดเพราะออกแบบไปได้น้ำได้เนื้อเห็นภาพกว่าคนอื่นด้วย บางทีเรื่องความสวยงามของงานก็เป็นเรื่องรอง” อาชวินเล่าทั้งรอยยิ้มขัน “เอาเป็นว่าอย่างน้อยพี่รับปากกับน้องปินได้ว่าจะมีซองจาก Archwin ไปถึงบริษัทของน้องปินทันเดดไลน์แน่นอน”
“ปินแค่มาช่วยงานนิดหน่อย ไม่ได้มีส่วนในการตัดสิน แต่ยังไงจะรอดูงานของพี่ๆ นะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้สถาปนิกทั้งสอง…บริษัทสถาปนิกที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมประกวดแบบครั้งนี้ล้วนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยที่แต่ละแห่งมีความถนัดโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าดูจากผลงานที่ผ่านมาเธอจึงค่อนข้างเชื่อว่า Archwin มีลุ้นพอสมควรทีเดียว