ปภาวรินท์กลับบริษัทด้วยอารมณ์รื่นเริง ถึงแม้จะเป็นการนัดคุยงานแต่ก็ถือว่าได้เจออาชวิน แถมวันนี้ยังมีวีรากรซึ่งเธอนับว่าเป็นผู้มีพระคุณอีกคนด้วย…อย่างไรก็ตามพอวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทำงาน ยังไม่ทันจะหันไปถามเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับงานของเธอที่ต้องยกให้เพื่อนทำแทน อีกฝ่ายก็หมุนเก้าอี้มาพูด
“ปิน คุณรัญโทรลงมาสั่งไว้ว่าถ้าเธอกลับมาถึงเมื่อไหร่ให้ขึ้นไปหา”
“พี่รัญเหรอ” สาวร่างเล็กกะพริบตาปริบๆ พอเพื่อนพยักหน้ายืนยันเธอจึงได้แต่พึมพำขอบคุณ ครั้นมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเหลือเวลาไม่มากก่อนจะเลิกงาน เธอเลยไถ่ถามเรื่องงานจากเพื่อนตามความตั้งใจ จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าสะพายไปขึ้นลิฟต์
น่าจะเรื่องโครงการเดอะไพรด์ ปภาวรินท์คาดเดาอย่างอ่อนใจ
พี่สาวต่างแม่เพิ่งรู้เรื่องที่เธอเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้หลังจากเธอเข้าประชุมไปแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะรัชนาทเรียกตัวเธอไปช่วยกะทันหัน และหลังจากนั้นเธอก็หัวหมุนกับการช่วยอนุชาเตรียมตัวบรีฟงานประกวดออกแบบ บวกกับตัวรัญชนาเองก็ติดงานที่ต้องออกนอกสถานที่อยู่เนืองๆ ผลคืออีกฝ่ายไม่สบโอกาสได้เจอเธอสักที ส่วนที่รัญชนาไม่พอใจน่าจะเป็นเพราะโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ พี่สาวไม่ชอบให้เธอมีส่วนร่วมกับงานอะไรก็ตามที่ถือว่าสำคัญในบริษัทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เลขานุการของรัญชนากดอินเตอร์คอมแจ้งเจ้านายทันทีที่เห็นหน้าปภาวรินท์ และก็มีเสียงตอบกลับมาบอกให้เธอเข้าไปได้เลย…ตอนที่เธอเปิดประตูเข้าไปพี่สาวกำลังนั่งกอดอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาที่ทอดมองตรงมาแข็งกร้าว และสุ้มเสียงที่ถูกส่งออกมาก็กระด้างพอกัน
“ไปคุยกับบริษัทสถาปนิกมาครบแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เรียบร้อยดีค่ะ ปินรับผิดชอบเองแค่สองบริษัท นอกนั้นอยู่กับคุณอนุชา” สาวร่างเล็กตอบอย่างระมัดระวัง
“ฉันรู้นะว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร” รัญชนาพูดเสียงเย็น “อยู่ดีๆ ก็ไปอ้อนป๊าขอมาช่วยงานโครงการใหญ่ขนาดนี้ หวังจะสร้างผลงานเอาหน้าล่ะสิ”
“ปินเปล่า” ปภาวรินท์ปฏิเสธทันที “ปินแค่คิดว่าพอจะช่วยได้เลยอยากช่วย อีกอย่างปินก็แค่ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในโครงการเท่านั้นเอง”
“เงียบไปเลย” คนเป็นพี่สาวแหว “อย่างเธอน่ะแค่อ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่แล้ว คิดว่าฉันโง่นักหรือไง อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าการที่เธอเริ่มจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็เพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกต!”
“ปินเปล่า…พี่รัญจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ปินยืนยันว่าไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ปินแค่คิดว่าอะไรพอช่วยได้ก็จะช่วย เดี๋ยวปินก็กลับไปทำงานของตัวเองแล้ว” ลูกสาวคนเล็กของบ้านได้แต่พยายามสะกดกลั้นเสียงถอนหายใจของตัวเองไว้
“เธอจะพูดอะไรก็ได้ แต่ขอให้รู้ไว้เลยว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอได้ตามที่หวังแน่!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในจังหวะที่รัญชนากำลังจะพูดจบพอดี แล้วเสียงของรัชนาทก็ลอยมา
“พี่เอง”
ประตูเปิดเข้ามาเกือบทันทีโดยไม่รอฟังเสียงอนุญาต คนเป็นพี่ชายก้าวเข้ามาแล้วหันมองน้องสาวทั้งสองคนสลับกันไปมา
“รัญเรียกปินมาคุยอะไรน่ะ”
“ก็เรื่องโครงการเดอะไพรด์ไง” รัญชนาตอบหน้าตึง “แล้วพี่รัชล่ะมีอะไร”
“พี่เห็นปินเข้ามาหารัญเลยแวะมาดู พี่ก็จะถามปินเรื่องที่ไปคุยกับบริษัทสถาปนิกเหมือนกัน…แล้วนี่รัญคุยกับปินเสร็จหรือยัง พี่จะได้พาปินไปรายงานให้ป๊าฟัง”
“คุยเสร็จแล้ว”
ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าน้องสาวคนโตตอบอย่างเสียไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจแล้วโอบไหล่รั้งน้องสาวคนเล็กเดินออกจากห้อง
“โอเค งั้นเราไปกันปิน”
ปภาวรินท์เกือบจะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน ทว่าพี่ชายก็รู้ทันอยู่ดี
“วันนี้โดนเรื่องอะไรล่ะ ใช่เรื่องเดอะไพรด์ไหม” พอน้องสาวพยักหน้ารับเขาก็ลูบศีรษะเธอเบาๆ “อย่าไปใส่ใจเลย พี่ดีใจนะที่ได้ปินมาช่วยงาน”
หญิงสาวหันไปยิ้มให้พี่ชายซึ่งดีกับเธอมาตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้าสู่รั้วบ้านพร้อมพิพัฒน์ อย่างไรก็ตาม…
“เย็นนี้เราว่างไหม ไปกินข้าวกับพี่ได้หรือเปล่า พี่นัดไอ้วุธไว้พอดี”
ปภาวรินท์ชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็ต้องพยายามสะกดกลั้นเสียงถอนหายใจของตัวเองไว้อีกคำรบ…อะไรรัชนาทก็ดีไปหมดทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ หนำซ้ำเธอจะปฏิเสธเขาบ่อยๆ ก็ไม่ถนัดเนื่องจากเขาดีกับเธอ
ลำบากใจชะมัด…
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 64)