ตอนเจอกาลเวลาครั้งแรกภูริตาเรียนอยู่ชั้นปีที่สามและเป็นดาวเด่นของคณะมาโดยตลอด หญิงสาวผู้เชื่อมั่นในเสน่ห์ร้ายกาจของตนกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับสาวสวยตาคม ผิวสีน้ำผึ้งซึ่งป็อปในหมู่รุ่นพี่ค่ายอาสา กาลเวลาจึงถูกเธอกระแทกแดกดันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับสนใจแต่งานเท่านั้น
‘ถ้าจะมาออกค่ายก็ต้องมาช่วยกันสิ มัวแต่นั่งอยู่ในร่มทำไม’
‘ก็ฉันร้อน ผิวแดงไปหมดแล้วเนี่ย เห็นไหม’ ว่าพลางยื่นแขนที่มีรอยแดงยาวเป็นทางโชว์อีกฝ่าย
‘คนอื่นก็ร้อนก็กลัวดำเหมือนกัน’
‘เธอดำอยู่แล้ว จะกลัวดำทำไม เอางี้ ไว้เย็นๆ แล้วฉันค่อยช่วยละกัน เดี๋ยวจะหาว่าแล้งน้ำใจ’
‘เย็นๆ ก็เสร็จหมดแล้วป่ะแพม’
ภูริตาเชิดหน้า ไม่ยอมลุกจากที่นั่งในร่มเด็ดขาด พลางเหลียวหาเหยื่อสาวหน้าใสซึ่งกำลังเดินหน้าเริดมาหา
‘น้องจิช่วยอุ้มลังหนังสือหน่อยได้ไหมคะ พี่แสบผิวไปหมดแล้ว เนี่ยดูสิผิวพี่แดงไปหมดเลย’
‘ได้ค่ะพี่แพม’
จิรัศยาทำตามอย่างว่าง่าย ทำเอากาลเวลาเท้าเอว มองเขม่น แต่คนอย่างภูริตามีหรือจะสนใจ
การอยู่ค่ายอาสาคือความทุกข์ทรมานแสนสาหัสสำหรับคุณหนูผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เอะอะก็ไม่ได้ไม่ดีสักอย่างจนรุ่นพี่และคนอื่นๆ เอือมระอา ยกเว้นอยู่สองคนคือกาลเวลากับจิรัศยา
‘ทำไมดีกับฉันล่ะ ฉันพูดไม่ดีกับเว แล้วก็หลอกใช้งานน้องจิด้วย’
ภูริตาพูดเสียงอ่อนลงเมื่อออกฤทธิ์ออกเดชไปมากจนถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
‘ถ้าฉันกับน้องจิไม่ทน แล้วใครจะทนเธอล่ะ’
‘จิไม่ได้คิดว่าพี่แพมใช้งานหรอกค่ะ จิเห็นพี่แพมตัวแดงเถือกไปหมดก็เลยอยากช่วยน่ะค่ะ’
‘ขอบใจนะ’
เป็นครั้งแรกที่ภูริตานอนมองดาวเต็มฟ้ากับเพื่อนอีกสองคนบนสนามหญ้า และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เธอยอมเผยเรื่องราวความรักครั้งแรกออกมาจนหมดเปลือก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหลังกลับจากค่ายอาสาพวกเธอก็สนิทสนมกันมากขึ้น มาห่างการติดต่อไปก็ตอนภูริตาถูกมหาวิทยาลัยไล่ออกเพราะขาดเรียนและผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
ภูริตากวาดตามองสาวสวยตาคมซึ่งดูสวยขึ้นทั้งที่อยู่ในชุดลำลองง่ายๆ ก็เลยอดหมั่นไส้ตามประสาคนหลงตัวเอง ไม่ชอบเห็นใครเด่นกว่า
“เวไปทำอะไรมา ท้วมขึ้นนะ แล้วก็ดำขึ้นเยอะเลย”
อ้วนขึ้น…ดำขึ้น…คำต้องห้ามของผู้หญิงทั้งนั้น แต่ก็เนี่ยแหละภูริตา พูดจาไม่นึกถึงใจคนฟัง แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รู้ตัวสักนิด ยังคงพูดจ้อต่อไม่หยุด
“หมู่นี้กินเยอะไปรึเปล่าเว แก่ไปจะลดลำบากนะ”
กาลเวลาหัวเราะขื่นๆ อยากจะยกมือฟาดอีกฝ่ายสักป้าบ แต่ก็ไม่ได้ทำ
“ฉันเป็นบล็อกเกอร์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวน่ะ ทำงานหนักเลยกินหนักมือ แล้วก็ตากแดดเยอะไปหน่อยเลยผิวเข้มขึ้น แล้วแพมล่ะเป็นไงบ้าง เตี้ยลงรึเปล่า”
ภูริตาชักสีหน้า เธอเตี้ยอยู่แล้ว เรื่องจะเตี้ยลงกว่านี้คงเป็นไปไม่ได้ นอกจากอีกฝ่ายจงใจเหน็บ “พูดจาไม่เข้าหู เดี๋ยวจะโดนไม่น้อยนะเว”
“แล้วนี่แพมมาทำอะไรที่นี่ จะช็อปปิ้งเหรอ ร้านนี้ป่ะ เดี๋ยวเวช็อปเป็นเพื่อน มีสวยๆ หลายตัวเลย”
“คนอย่างภูริตา ไม่เคยซื้อของเซลส์”
กาลเวลาย่นคิ้ว เมื่อครู่เห็นชัดว่าภูริตากำลังจะก้าวเท้าเข้าร้านนี้ด้วยซ้ำไป แต่ขืนพูดไปก็คงหักหน้าอีกฝ่ายเปล่าๆ จึงแสร้งยิ้มอ่อน
“เออๆ ไม่เคยก็ไม่เคย แล้วนี่แพมจะไปไหนต่อรึเปล่า ไปหาอะไรกินกันไหม”
“ไปสิ ฉันรู้จักอยู่ร้านนึงขายไวน์กับสเต๊ก อยู่แถวพลาซ่าใกล้ๆ ทางเชื่อมรถไฟฟ้า”
“เอาดิ น่าสนใจ ร้านไหนล่ะ”
แล้วทั้งสองคนก็มุ่งหน้าสู่โซนพลาซ่าซึ่งเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารหลายแห่ง จังหวะที่กำลังลงบันไดเลื่อนภูริตาก็ได้ยินเสียงสดใสตะโกนเรียกเธอกับกาลเวลา พอหันไปทางต้นเสียงก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้อยู่บนบันไดเลื่อนฝั่งตรงข้าม