บทที่ 2 กระเป๋าแบน แฟน (เก่า) ทิ้ง
ความเจ้าเล่ห์แสนกลของภูริตาแผ้วถางอุปสรรคทั้งหลายจนราบเป็นหน้ากลอง เพราะหญิงสาวเรียกใช้บริการรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางแทน ทำไมเพิ่งคิดได้นะ รู้อย่างนี้กดเรียกรถตั้งแต่อยู่สนามบินแล้วดีกว่า
“มาเที่ยวเหรอครับ”
“มาหาแฟนค่ะ เขาเป็นเจ้าของฟาร์มมุกดา”
เธออ้างเช่นนั้นเพราะการโดยสารรถยนต์ของคนแปลกหน้าตามลำพังไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยสักหน่อย ดังนั้นอะไรที่พอจะยกขึ้นมาเป็นยันต์กันภัยได้เธอก็ต้องอ้างไว้ก่อน
“แฟนนายหัวเขมเหรอครับเนี่ย”
“รู้จักพี่เขมด้วยเหรอคะ เซอร์ไพรส์จัง!”
“นายหัวดังออกครับ ผมเคยรับส่งลูกค้าของฟาร์มนายหัวเป็นประจำครับ แต่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านายหัวมีแฟนแล้ว นึกว่าคบกับคุณฉัตรเสียอีก”
ฉัตร…ฉัตรไหน!
ในข่าวที่เธอบังเอิญเลื่อนเจอในอินสตาแกรมไม่เห็นบอกเลยว่าเขมมีแฟนแล้ว บอกแค่ว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมของภูเก็ต
“ฉัตรไหนคะเนี่ย แพมไม่เห็นรู้เรื่อง”
“คุณกมลฉัตร ลูกสาวนายหัวธานี นักธุรกิจใหญ่ของภูเก็ตครับ ผมได้ยินคนเขาลือกันว่าคุณฉัตรเป็นแฟนนายหัว เพราะไปมาหาสู่กันหลายปีแล้ว แต่ไม่รู้หรอกครับว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง”
ภูริตารู้สึกเหมือนมีไฟกองโตสุมอยู่กลางอก มันร้อนรุ่มจนนั่งแทบไม่ติดเบาะ อยากแล่นไปเค้นความจริงจากปากเขมให้รู้แล้วรู้รอด
“แพมไปเรียนเมืองนอกเสียนาน เพิ่งลงเครื่องก็แวะซื้อของที่ห้าง แล้วเรียกรถมาหาพี่เขมนี่แหละค่ะ ตอนแรกก็อยากให้พี่เขมไปรับ แต่แพมอยากเซอร์ไพรส์พี่เขมน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอเซอร์ไพรส์กลับแบบนี้ ถ้าเจอหน้าพี่เขมล่ะก็แพมจะบิดให้เนื้อเขียวเชียว”
หญิงสาวแสร้งเย้าทีเล่นทีจริง ทำเอาคนขับยิ้มแหยพลางลอบพิจารณาหญิงสาวตรงเบาะหลัง
ดวงหน้าสวยน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ผิวขาวผ่องอมชมพูดูนวลเนียน รูปร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมแบบลูกผู้ลากมากดีในเมืองกรุง ตรงข้ามกับกมลฉัตรที่รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ดูทะมัดทะแมง
เทียบกันแล้วเขามั่นใจว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบผู้หญิงน่ารักบอบบางคนนี้มากกว่าผู้หญิงมั่นใจในตัวเอง นายหัวเขมก็คงไม่ต่างกันนัก
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าแฟนนายหัวหน้าเด็กแบบนี้”
ภูริตาแสร้งหัวเราะคิกคัก “ไม่เด็กหรอกค่ะ แพมจะยี่สิบหกแล้วนะคะ”
“จริงเหรอครับเนี่ย หน้าคุณเด็กมาก ผมนึกว่าสิบเจ็ดสิบแปด”
ภูริตายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน พูดจารื่นหูแบบนี้ค่อยคุยกันได้ยาวหน่อย
“ใครๆ ก็บอกแพมแบบนั้นแหละค่ะ”
“ว่าแต่รู้จักนายหัวได้ยังไงเหรอครับ”
“รู้จักกันที่เมืองนอกค่ะ”
หญิงสาวไม่อยากถูกอีกฝ่ายซักไปมากกว่านี้ จึงแสร้งตัดบทด้วยการยกมือถือขึ้นมากดเล่น
หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาที รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นก็เคลื่อนมาจอดหน้าบริษัทซึ่งมีป้ายติดไว้ด้านหน้าว่า ‘บริษัท มุกดาเจมส์ จำกัด’
“ถึงแล้วครับ”
“ไม่ได้ชื่อว่าฟาร์มมุกดาเหรอคะ”
“นั่นชื่อที่คนพื้นที่เรียกกันครับ แต่ชื่อทางการคือบริษัทมุกดาเจมส์ครับ”
เขาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มองหญิงสาวกำลังรื้อค้นของในกระเป๋าสะพายใบย่อมอยู่หลายรอบด้วยความสงสัย “ไปไหนนะ เมื่อกี้ที่ร้านอาหารยังเห็นอยู่เลย”
เธอแสร้งควานมือลงไปในกระเป๋าอีกสองสามครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนขับอย่างร้อนรน
“สงสัยแพมลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ร้านอาหารแน่เลย รอสักครู่ได้ไหมคะ แพมไปขอยืมเงินพี่เขมก่อน”
สีหน้าของคนขับรถเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด
ภูริตารีบสาวเท้าเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บริเวณโถงทางเข้า แล้วแจ้งความประสงค์ทันที
“พี่เขมอยู่ไหมคะ”
“ไม่ทราบว่านัดนายหัวไว้รึเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ ไปบอกพี่เขมทีว่าแพม ภูริตามาขอพบค่ะ เขาให้แพมพบแน่”
“นายหัวติดประชุมค่ะ แจ้งเรื่องไว้แล้วเดี๋ยวดิฉันจะเรียนให้ท่านทราบค่ะ”
“แต่ฉันมีธุระด่วน ต้องการพบพี่เขมเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงร้อนรนปนออกคำสั่งของภูริตาทำให้ดวงหน้าแฉล้มของพนักงานสาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น