บทที่ 2
กาลเวลาโบกมือลาเกรียงศักดิ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาเช้ามืด ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า ขณะที่กำลังเดินเข้าเกต เธอหันไปมองเพื่อนร่วมงานอีกครั้งในระยะไกล เหมือนว่าใบหน้าตี๋อย่างคนที่มีเชื้อสายจีนของชายหนุ่มมีเขี้ยวงอกออกมา
“ไอ้บ้าเกียง ฉันสาบานได้ว่าฉันจะฆ่าแกถ้ามีโอกาส”
กาลเวลาบ่นกับตัวเองหลังจากเครื่องเทกออฟได้ไม่กี่นาที อยู่ๆ เธอก็นึกถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเดินทางในวันนี้
ล่องเรือสำราญ
เธอเดินทางท่องเที่ยวอย่างจริงจังมาเกือบเจ็ดปี ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นนักศึกษาปีหนึ่งจะได้เลือกชมรมตามความสนใจ และเธอได้เข้าร่วมกับชมรม ‘นักเดินทาง’ ซึ่งกิจกรรมของชมรมคือเดินทางไปทำประโยชน์ในถิ่นที่ห่างไกลความเจริญ และตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้รับการแนะนำจากเพื่อนในชมรมว่ามีกิจกรรมหนึ่งสำหรับคนชอบเที่ยวของแฟนเพจ ‘เที่ยวคนเดียวด้วยกันไหม’ เธอลองเข้าไปร่วมกิจกรรมครั้งแรกก็ติดใจจนกลายเป็นว่าจากนั้นมาสมองไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลยนอกจากคิดว่าทริปหน้าจะไปที่ไหน ขึ้นเขา ล่องแก่ง เที่ยวเกาะ หรือย่านคนเมือง เธอไปมาหมด แต่กลับไม่เคยคิดถึงการล่องเรือสำราญเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอจะได้รู้จักกับมัน ซึ่งจากที่ศึกษามาคร่าวๆ
…มันไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไหร่
เครื่องลงจอดที่สนามบินชางงีประเทศสิงคโปร์ในเวลาแปดโมงเช้า กาลเวลาเคยมาร่วมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์เมื่อปีที่แล้ว และก่อนหน้านั้นประมาณสี่ปีเธอกับเพื่อนในคลาสเคยจัดทริปเล็กๆ เที่ยวที่นี่มาก่อน ฉะนั้นการมาสิงคโปร์ครั้งนี้จึงไม่ยากสำหรับเธอเท่าใดนัก
กาลเวลามีกระเป๋าเดินทางล้อลากหนึ่งใบ โดยปกติเธอใช้เป้สะพายหลังใบใหญ่ในการเดินทาง แต่เนื่องจากเรือสำราญลำนี้หรูระดับห้าดาว ฉะนั้นเธอจึงเตรียมเสื้อผ้ารองเท้าเยอะกว่าทุกทริป ส่วนกระเป๋าสะพายข้างเธอเลือกแบบกลางๆ ที่สามารถใส่กับชุดไหนก็ได้ กาลเวลาไม่ชอบพกของมากเวลาเดินทาง ถึงแม้จะประสบปัญหาของไม่ครบเป็นประจำ แต่เธอคิดว่าการหอบของพะรุงพะรังไปเที่ยวไม่ใช่เรื่องสนุก
ดังนั้นอะไรขาดก็ไปหาเอาดาบหน้าจะดีกว่า
แต่นั่นคงใช้กับทริปล่องเรือสำราญไม่ได้
กาลเวลาใช้บริการรถสาธารณะเพื่อมาลงที่ท่าเรือโดยใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที และใช้เวลาอีกเพียงแค่สิบนาทีในการเช็กอิน เธอยื่นพาสปอร์ตตัวจริงพร้อมสำเนาแล้วรับบัตรมาคล้องคอ
เท่าที่ประเมินด้วยสายตา กลุ่มนักท่องเที่ยวทริปนี้มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งเอเชียและยุโรป โดยส่วนมากมากันเป็นครอบครัว กาลเวลาเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างสรวลเสเฮฮากับสมาชิกในกลุ่มตัวเอง เป็นภาพชินตาที่พบบ่อยสำหรับการเดินทาง และชินด้วยเช่นกันที่พวกเขามองมาที่เธออย่างสนใจใคร่รู้
กาลเวลายกกล้องถ่ายรูปบันทึกภาพโดยรอบอยู่พักใหญ่ กระทั่งเจ้าหน้าที่นำไปยังทางเดินอันทอดยาวเลียบไปกับเรือลำใหญ่มหึมา เรือลำนี้มีชื่อว่าเอลิซซ่า ครูซ ขนาดของเรือสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึงสามพันห้าร้อยคน และลูกเรืออีกราวพันห้าร้อย ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกวิดีโอ
“สวัสดีค่ะ ที่นี่คือท่าเทียบเรือมารีนา เบย์ ครูซ เซ็นเตอร์ เวจะพาทุกคนไปพบกับเรือสำราญที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราระดับโลก ทริปนี้บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะเรือลำนี้จะพาเราล่องเรือบนน่านน้ำสากล ไปยังประเทศมาเลเซีย และกลับมาพักบนเกาะภูเก็ตประเทศไทย เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและมีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยมเป็นจำนวนมาก จากนั้นเรือลำนี้จะพาเรามุ่งตรงสู่ประเทศฮ่องกง จุดหมายปลายทางสุดท้ายของโปรแกรมเดินทางค่ะ แต่ตอนนี้เวขอหนีร้อนพาทุกคนมาสัมผัสกับทุกซอกทุกมุมของเรือนี้ก่อนนะคะ…และนี่คือทางขึ้นไปเรือสำราญของเราค่ะ”