“หึ! ถึงเวลานี้พูดอะไรก็ได้หมดนั่นแหละ แต่ใครจะไปเชื่อ เอาพาสเวิร์ดมา”
“อะไรคะ”
“ก็รหัสโทรศัพท์ไง” อีกฝ่ายเสียงดังขึ้นจนเกือบกลายเป็นตะคอก
กาลเวลาหน้าตึง มองคนพูดด้วยสายตาเหลือเชื่อที่กล้าพูดขอรหัสผ่านโทรศัพท์คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำแบบนั้น เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา”
“นี่ อย่าให้เสียเวลาได้มั้ย ลูกสาวฉันร้อน” ปานวาดโวยวาย ขณะที่พริมาโบกมือไล่อากาศไปมาสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ
“ไม่อยากเสียเวลาก็คืนโทรศัพท์ฉันมาค่ะ” กาลเวลาเริ่มขึ้นเสียงบ้าง
“โอ๊ย! จะให้พาสเวิร์ดดีๆ หรือจะให้ฉันโยนลงน้ำไป” พริมาตวาดแว้ด
กาลเวลามองคนพูดอย่างงุนงง พฤติกรรมของพริมาเหมือนนางมารร้ายในละครไม่มีผิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถ่ายละครมากไปหรือว่าเป็นนิสัยส่วนตัวกันแน่
เธอนิ่ง กลอกตามองรอบๆ ก็เห็นว่าใครหลายคนกำลังมองมา เชื่อว่าพริมาคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง อย่างน้อยหญิงสาวก็ถือเป็นคนของประชาชนและดูเหมือนว่านักท่องเที่ยวกรุ๊ปนี้มีคนไทยเยอะเหมือนกัน
“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาค่ะ ฉันจะเป็นคนลบเอง”
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไง พวกชอบแสวงหาผลประโยชน์จากคนอื่นมีเยอะแยะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องแสวงหาผลประโยชน์อะไรจากใครค่ะ และฉันก็ไม่คิดจะให้พาสเวิร์ดโทรศัพท์กับคุณแน่นอน เร็วสิคะ ฉันคิดว่าคนเริ่มมองมาเยอะแล้วนะ คุณอยากเป็นข่าวหรือไง”
“กล้าขู่ฉันเหรอ” พริมาบิดริมฝีปากเป็นเส้นโค้ง ก่อนคว้าเอาโทรศัพท์ของกาลเวลามาถือไว้เอง “แต่ฉันไม่ใช่พวกชอบพูดเหมือนเธอ”
เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นสมาร์ตโฟนสัญชาติเกาหลีรุ่นใหม่ล่าสุดก็ลอยละลิ่วผ่านหน้ากาลเวลาไป ก่อนที่มันจะร่วงลงสู่ท้องทะเลและจมหายไปต่อหน้าต่อตา
กาลเวลาตกตะลึง หัวใจกระตุกวูบ หน้ามืดตาลายจนอยากจะกระโจนไปบีบคอคนตรงหน้าให้คอหักตาย เพราะแค่คิดว่าต้องสูญเสียข้อมูลในสมาร์ตโฟนไปอย่างมหาศาลก็ราวกับมีไฟลุกท่วมศีรษะ
ไวเท่าความคิดเธอคว้าข้อมือเล็กของดาราสาวอย่างแรงจนเจ้าหล่อนร้องเสียงหลง
“ทำแบบนี้ได้ยังไงคะ นั่นมันของของฉันนะ”
“ปล่อยฉันนะ รู้มั้ยว่าถ้าข้อมือฉันมีรอยแม้แต่นิดเดียวบริษัทประกันเล่นเธออ่วมแน่ แล้วฉันก็ไม่อยากเสียเวลากับเธอเพราะคนอย่างเธอคงไม่มีปัญญาจ่าย”
ท่าทีไม่มีความสำนึกผิดนั้นทำให้กาลเวลายิ่งโกรธหนักมากขึ้นไปอีก
“คุณแย่มากเลยนะ ที่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรที่ทำลายของของคนอื่น”
“ปล่อยแขนฉันนะ คุณแม่คะ ยืนเฉยอยู่ได้ ช่วยเอาแม่นี่ออกไปทีสิคะ”
“นี่ ปล่อยลูกสาวฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยเอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปที” ปานวาดเข้าไปยื้อตัวลูกสาว
กาลเวลาโกรธจนไม่ฟังอะไร ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าขณะนั้นมีชายสามคนเดินตรงเข้ามา จนเมื่อหนึ่งในนั้นคว้าแขนแล้วกระชากแรงพอที่จะทำให้เธอเสียการทรงตัว มือที่จับพริมาไว้ก็หลุดออก
“เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงเข้มกังวานดังขึ้นและหยุดความวุ่นวายทั้งหมดได้ภายในวินาทีเดียว
กาลเวลามึนงง เธอใช้เวลาครู่หนึ่งเลยกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ และรับรู้ว่าขณะนี้เธอถูกชายแปลกหน้าคนหนึ่งคว้าจับข้อมือไว้ เขารูปร่างสูงใหญ่มากๆ น่าจะสูงกว่าเธอเกือบหนึ่งฟุตหรือเกินร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรแน่ๆ เพราะเธอเองสูงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรยังต้องแหงนมองเขาคอตั้งบ่า
ชายอีกสองคนสวมสูทสีดำยืนอยู่ข้างหลังทำหน้าเข้มทำให้กาลเวลารู้สึกราวกับว่าหลุดไปอยู่ในหนังแนวเจ้าพ่อมาเฟียอะไรสักอย่าง
“แดนนี่คะ จัดการให้ทีค่ะ มันทำร้ายพริม”
คำพูดของพริมาทำให้กาลเวลาต้องหันไปมองหน้าคนที่สามารถพูดโทษคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย ใบหน้าสวยจัดของเจ้าหล่อนราวกับมีเงาแม่มดทาบทับอยู่ ทว่าไม่ทันได้โต้ตอบอะไร คนที่จับข้อมือเธอไว้แน่นก็เอ่ยขึ้นมาก่อน