เลขานุการของกมลพัชรขยับปากกาในมือเตรียมจดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สายตาคมปลาบของกัณฑ์อเนกพุ่งตรงไปที่ชายคนนั้นอย่างเฝ้าระวัง กมลพัชรเองแม้ท่าทางภายนอกจะดูไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดแต่ในใจก็ลุ้นอยู่เช่นกันว่ากรรมการอาวุโสท่านนั้นจะกล่าวอะไร
“เรื่องของกัณฑ์…”
คนถูกพาดพิงกลอกตาขึ้นมองบนเพดานก่อนจะหายใจลึก กมลพัชรไม่ได้หันกลับมาดูลูกชายสักนิด นางแค่ยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ
“เรื่องส่วนตัวเก็บไว้ทีหลังเถอะค่ะคุณพฤกษ์”
“ทีหลังนี่หมายถึง เรื่องหลังสุดของวาระการประชุมวันนี้หรือหลังจากวันนี้แต่เป็นเมื่อไรก็ไม่รู้ล่ะ คุณพัชรก็รู้ดีว่าเรื่องที่ผมจะพูดไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของกัณฑ์คนเดียว”
กมลพัชรกรีดมุมกระดาษในมือเล่น เหมือนจะประวิงเวลาเพื่อหาคำตอบที่นุ่มนวลที่สุดมาตอบ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเริ่มคนที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนากลับชิงพูดเสียก่อน
“คุณลุงจะจับผมแต่งงานให้ได้เลยสินะครับ”
“ถ้าเป็นเด็กหัวอ่อนกว่านี้ลุงก็คงจะทำไปแล้ว”
คำตอบที่ตอบกลับมาเหมือนหลุดมาจากปากของคนไม่มีหัวใจ คนที่มองอะไรๆ เป็นเรื่องที่ตนสามารถควบคุมได้ไปเสียหมด แม้กระทั่งจิตใจของมนุษย์ด้วยกันเอง ตอนนี้กมลพัชรตวัดสายตามองใบหน้าของลูกชาย นัยน์ตานั้นกำราบเขาอยู่ในที กัณฑ์อเนกเองก็รู้ดีว่าในห้องประชุมแห่งนี้แม่ของเขาต้องแคร์ใครบ้าง ซึ่งคำตอบนั้นไม่ใช่เขาแน่
“กัณฑ์รู้แล้วนี่ว่าชีวิตส่วนตัวของเราน่ะมันขึ้นอยู่กับราคาหุ้นของบริษัทด้วย”
กัณฑ์อเนกแสยะยิ้มอย่างแค่นขำ ใบหน้าที่เคยงามราวเทพบุตรแปรเปลี่ยนเป็นซาตานเจ้าเล่ห์ในชั่วพริบตา
“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เมื่อสองวันก่อนแค่ข่าวซุบซิบยังทำให้มีแรงเทขายออกมามากกว่าปกติเลย”
ชายหนุ่มขยับเก้าอี้แล้วยืดตัวตรงกว่าเดิม เขาประสานมือไว้บนโต๊ะก่อนตอบ
“เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลออกมาพูดถึงแผนการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้าประเภทเครื่องดื่มที่เติมความหวานเพิ่มลงไป เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นทำให้เฟรชคูลถูกจับตามอง เนื่องจากธุรกิจของเรามีสินค้าที่ให้ความหวานอยู่หลายชนิด มันก็อาจเกิดผลกระทบกับราคาหุ้นในตลาดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ได้ ผมไม่คิดว่าเรื่องส่วนตัวของผมจะเป็นต้นเหตุอย่างที่คุณลุงว่ามานะครับ”
คู่กรณีถึงกับหน้าม้านไปแต่ก็ไม่ยอมรับออกมาว่าสิ่งที่กัณฑ์อเนกพูดมานั้นเป็นความจริงสำหรับเขา กมลพัชรเห็นโอกาสที่จะเริ่มผ่านเรื่องนี้ไป นางจึงเตือนสติคณะกรรมการอีกครั้ง
“เอาล่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่อง เริ่มเลยดีกว่านะคะ”
ไม่รอให้ใครปฏิเสธ ประธานกรรมการหันไปพยักหน้าให้เลขานุการของตนเริ่มดำเนินการประชุม โดยในวาระแรกเป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา…
“เรื่องน้ำดิบสำหรับกระบวนการผลิตในปีนี้ บริษัทของเรามีเพียงพอและอาจจะเหลือสำหรับขายให้โรงงานอุตสาหกรรมหรือธุรกิจอื่นด้วยค่ะ”
กัณฑ์อเนกยิ้มกริ่มพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะ กมลพัชรก็ยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
“แสดงว่าเรื่องการลงทุนเพื่อซื้อที่ดินสำหรับทำบ่อกักเก็บน้ำธรรมชาติในจังหวัดปราจีนบุรีเมื่อสองปีก่อนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสินะ”
เรื่องราวในอดีตหมุนวนกลับมาในความทรงจำของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทคนโตของอุกฤษฏ์ นี่คือโครงการแรกที่เขามีโอกาสแสดงให้เห็นว่าความคิดเรื่องการลงทุนของเขานั้นมีประโยชน์ต่อบริษัทเป็นอย่างยิ่ง เขากล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่คณะกรรมการคนอื่นๆ เอาแต่คัดค้านเพราะไม่อยากเสียเงินก้อนใหญ่ไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วยังไม่รู้ว่าจะคืนทุนเมื่อใด กัณฑ์อเนกยอมเสี่ยงและพยายามหาข้อมูลมาสนับสนุนความคิดของตัวเอง เพื่อให้บอร์ดบริหารยกมือเห็นด้วยกับเขาในเรื่องนี้ ในตอนนั้นคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นด้วยนัก และเขามารู้ภายหลังว่ามารดาเป็นผู้ช่วยโน้มน้าวให้หลายๆ คนยอมสนับสนุนความคิดของเขา
กัณฑ์อเนกต้องทำงานร่วมกับคนหัวเก่า ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจ แต่คนที่เหนื่อยที่สุดก็น่าจะเป็นกมลพัชร เพราะต้องทำหน้าที่ประสานแนวความคิดของคนรุ่นเก่ากับคนหัวไวอย่างลูกชายให้ไปด้วยกันได้ ภายใต้สภาพการทำธุรกิจที่มีเรื่องให้ต้องขบคิดและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
ชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังอีกคนก็อดอมยิ้มไม่ได้ พารณก็เป็นอีกคนที่อยู่กับกัณฑ์อเนก ในวันที่เขาต้องต่อสู้ทางความคิดกับผู้บริหารรุ่นเก่าด้วย ความสำเร็จในวันนั้นก็มีเขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยเหมือนกัน