ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ปีศาจจิ้งจอกอย่ามาลวง บทที่ 1
บทที่หนึ่ง
ภายในพุ่มหญ้าที่สั่นไหวมีเสียงดังสวบสาบลอยแว่วมา ทำเอาเหยาเหนียงตื่นตกใจไปชั่วขณะ
นางเส้นประสาทขึงตึง ออกแรงกำเคียวที่อยู่ในมือแน่นขึ้น
เช้าตรู่วันนี้พอท้องนภาเพิ่งจะสว่างนางก็แบกตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นมาบนภูเขา หมายมั่นว่าจะขุดหน่อไม้อ่อนที่เพิ่งผุดขึ้นมาในช่วงต้นสารทฤดูก่อนที่ชาวบ้านในหมู่บ้านคนอื่นๆ จะขึ้นมา
นางมองไปตรงพุ่มหญ้าตามเสียง สัตว์ป่าดุร้ายขนาดใหญ่ล้วนซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึก นางเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังว่าตนเองไม่น่าเดินขึ้นเขามาลึกเกินไปเลย เพียงเพราะหน่อไม้อ่อนของช่วงต้นสารทฤดูเอาไปขายในเมืองได้ราคาสูง แต่หากต้องสิ้นชีวิตเพราะสิ่งนี้ การหนีเอาชีวิตรอดตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของนางจะไม่เสียเปล่าหรอกหรือ
ในขณะที่นางกำลังรู้สึกขนลุกชูชัน กลับได้ยินเสียงหงิงๆ ดังอยู่แว่วๆ จึงอดผงะไปมิได้
เสียงนี้ไม่เหมือนกับเสียงสัตว์ป่าดุร้ายขนาดใหญ่ แต่เหมือนเสียงสัตว์ป่าตัวเล็กๆ มากกว่า นางเดินย่องเข้าไปด้วยฝีเท้าเงียบเชียบ จากนั้นใช้เคียวแหวกพงหญ้าออกอย่างระมัดระวัง
ลูกจิ้งจอกขนมันวาวสวยงามตัวหนึ่งกำลังนอนหมอบกระเสือกกระสนอยู่ที่พื้น บนร่างแปะด้วยกระดาษซึ่งวาดลวดลายประหลาดๆ เอาไว้เป็นจำนวนมาก
เหยาเหนียงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าลูกจิ้งจอกตัวนี้ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังร้องหงิงๆ พลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
นางย่อกายลงอุ้มลูกจิ้งจอกขึ้นมา เดิมทีนางคิดว่ามันอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง มิคาดคิดว่ามันกลับอ้าปากงับนางในทันใด ทำเอาเจ็บปวดจนร้องโอดโอยออกมา
“ดูไม่ออกเลยนะว่าตัวเจ้าเล็กแค่นี้ แต่ตอนกัดคนกลับแรงเยอะนัก!”
เหยาเหนียงไม่แตกตื่น ไม่โกรธกริ้ว มีแต่เพียงความรู้สึกสงสารเวทนา นางข่มกลั้นความเจ็บปวดที่หลังมือเอาไว้ ก่อนจะอุ้มลูกจิ้งจอกอย่างระมัดระวัง
โลหิตหยดหนึ่งไหลจากหลังมือหยดลงบนยันต์ที่อยู่บนร่างของลูกจิ้งจอก ยันต์ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ในชั่วพริบตา เผาไหม้กลายเป็นเศษเถ้าธุลี ก่อนที่จะร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง
เหยาเหนียงตะลึงลาน นางก้มหน้าลงมองด้วยความประหลาดใจ มิได้สังเกตเห็นยันต์ที่เผาไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีนั้น แต่กลับเห็นจิ้งจอกตัวน้อยกำลังจ้องมองนางอย่างแน่วนิ่ง ไม่มีท่าทางดุร้ายให้เห็นอีก ทั้งยังทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ ช่างน่ารักจนพาให้คนหัวใจละลายเสียจริงๆ
“ไม่กัดข้าแล้วหรือ รู้แล้วสินะว่าข้าไม่ใช่คนเลว ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะพาเจ้ากลับไป แล้วเอาของอร่อยๆ ให้เจ้ากิน”
จิ้งจอกตัวน้อยขยับหูน้อยๆ เอียงหัวจดจ้องนาง ราวกับว่ากำลังฟังนางพูดอยู่จริงๆ
เหยาเหนียงถอดผ้าโพกศีรษะออก เอามาห่อตัวมันไว้อย่างนุ่มนวล ต่อมาก็วางมันใส่ไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ แล้วรีบแบกมันลงจากภูเขาไป…
จิ้งจอกตัวน้อยนอนอยู่ในตะกร้าไม้ไผ่อย่างเงียบสงบ มันคิดในใจว่าแปลกพิลึก สตรีผู้นี้เป็นใครกันถึงได้เก่งกาจปานนี้ สามารถทำลายยันต์ผนึกของนักพรตหน้าเหม็นผู้นั้นที่ตรึงร่างของมันเอาไว้อย่างแน่นหนาได้
มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากเล็กน้อย ในปากยังหลงเหลือรสชาติโลหิตของนางอยู่ เมื่อชิมลิ้มรสดูอย่างละเอียดลออมันก็อดแตกตื่นตกใจอย่างใหญ่หลวงมิได้
สตรีที่เกิดในปีหยางเดือนหยางเวลาหยางสถานที่หยาง? มิน่าถึงสามารถทำลายยันต์ผนึกดูดวิญญาณของนักพรตหน้าเหม็นผู้นั้นได้
จิ้งจอกน้อยยิ้มออกมา ทีแรกคิดว่าวันนี้คงจะหนีไม่พ้น ต้องตายอยู่ในเงื้อมมือของนักพรตหน้าเหม็น แต่ไหนเลยจะรู้ว่าสุดสิ้นภูผาปลายสายธาราดูเหมือนจะไร้หนทาง กลับปรากฏทางรอดขึ้นมา มันตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะติดตามสตรีผู้นี้ไปก่อนเป็นการชั่วคราว
จริงๆ แล้วลูกจิ้งจอกตัวนี้หาใช่จิ้งจอกธรรมดาทั่วไปไม่ แต่ว่าเป็นถึงปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ถ้ามิใช่เพราะต้องผจญเคราะห์ร้อยปีครั้ง ถูกอสนีบาตสวรรค์ฟาดใส่จนสูญเสียพลังปีศาจไปกว่าครึ่ง หาไม่แล้วมีหรือจะถูกนักพรตหน้าเหม็นนั่นไล่ตามจับจนสิ้นไร้ไม้ตอกเช่นนี้
ตอนนี้พลังปีศาจของมันมีไม่เพียงพอ จึงทำได้เพียงปรากฏกายในรูปลักษณ์ของลูกจิ้งจอก ไม่นอนตายอยู่บนพื้นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว มันหมอบคว่ำด้วยลมหายใจแผ่วระโหย ตะกร้าไม้ไผ่ที่สั่นไหวเบาๆ ราวกับเป็นเปล โยกไหวจนมันผล็อยหลับไป
หลังจากเหยาเหนียงแบกลูกจิ้งจอกลงจากเขาไปแล้ว ราวๆ หนึ่งเค่อผ่านไปนักพรตจิ้นเสวียนก็พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วปานสายลม เขาร่างกายเบาหวิวดุจนกนางแอ่น เคลื่อนไหวว่องไวดุจเหยี่ยว สุดท้ายหยุดยืนอยู่บนก้อนหินก้อนยักษ์ที่โผล่นูนออกมาก้อนหนึ่ง
มือข้างหนึ่งของเขาไพล่อยู่ด้านหลัง อีกข้างถือเข็มทิศแปดลักษณ์ สะพายกระบี่สยบมารเอาไว้บนหลัง ยืนตระหง่านอยู่บนที่สูง สายลมบนภูเขาพัดพาให้ชุดคลุมของเขาส่งเสียงดังพึ่บพั่บ ทว่าเขากลับยืนแน่วนิ่งดั่งขุนเขา เรือนกายเหยียดตรงดุจต้นสน นัยน์ตาคมปลาบปราดเปรื่องคู่นั้นมองสำรวจไปรอบๆ อย่างไม่ปล่อยให้ร่องรอยใดๆ เล็ดลอดไปแม้แต่นิดเดียว
เข็มทิศแปดลักษณ์ในมือของเขาเป็นสิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากปรมาจารย์รุ่นก่อนๆ สามารถติดตามไอปีศาจได้ เขาจึงไล่ตามไอปีศาจมาตลอดทางตามที่ปรากฏให้เห็นบนเข็มทิศแปดลักษณ์
ยามนี้เข็มทิศไม่ขยับไหวอีกต่อไป เขาเองก็ไม่เห็นร่องรอยใดๆ ของปีศาจจิ้งจอกเช่นกัน จึงขมวดคิ้วมุ่นอย่างอดมิได้
ไอปีศาจเลือนหายไปเสียแล้ว!
ลูกศิษย์ทั้งสองจิ้งเฟิงและจิ้งเหลยไล่ตามมาภายหลัง
“อาจารย์!”
“ไอปีศาจหายไปที่ตรงนี้ ไปสำรวจดูเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
ทั้งสองติดตามอาจารย์มาเนิ่นนาน รู้ใจกันดีอย่างยิ่ง คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายอีกคนอยู่ทางขวาโดยยึดอาจารย์เป็นศูนย์กลาง จากนั้นก็กางเขตอาคมในรัศมีหนึ่งกงหลี่** ล้อมจนกลายเป็นเขตต้องห้ามขึ้นมา
เข็มทิศแปดลักษณ์ไม่เคยผิดพลาด มันสามารถเสาะหาไอปีศาจได้ เช่นนั้นตำแหน่งของปีศาจร้ายก็ไม่มีทางอยู่นอกรัศมีหนึ่งกงหลี่แน่นอน เขตอาคมที่สร้างไว้สามารถกักขังปีศาจได้ ถึงแม้จะติดปีกแต่ปีศาจก็มิอาจบินเล็ดลอดหนีออกไปได้…ต่อมาพวกเขาก็ค่อยออกตามหาไปอย่างช้าๆ