เหยาเหนียงไม่สนใจชาติกำเนิดของเขา นางเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาโดยแบกรับความกดดันที่ถูกบิดาตัดพ่อตัดลูก นางยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา เป็นสามีภรรยาธรรมดาๆ ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน อยู่ครองคู่ไม่ทอดทิ้งกันไปชั่วชีวิต
‘เหยาเหนียง เพื่อเจ้าแล้ว ข้าจะต้องประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงให้ได้ เจ้าจะได้มีชีวิตอยู่อย่างร่ำรวยสุขสบายไปชั่วชีวิต ไม่ต้องทนถูกผู้คนหัวเราะเยาะอีก’ เหยาเหนียงถูกวงศ์ตระกูลตัดขาดเพราะมาแต่งงานกับเขา เขาเจ็บใจยิ่งนัก หมายมั่นว่าจะต้องสร้างอนาคตที่ดีเพื่อนาง ให้ผู้คนต่างต้องอิจฉาริษยาพวกเขา
‘ข้าไม่สนใจหรอกว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไร ข้าสนใจแค่ท่านเท่านั้น’ เหยาเหนียงดูภายนอกเหมือนคนอ่อนแอเปราะบาง แต่จิตใจภายในนั้นมีความคิดเป็นของตนเอง แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่นางต้องการมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการนั้นมีมากกว่านางเสียอีก เขาไม่เพียงแต่ต้องการเหยาเหนียง แต่ยังต้องการลาภยศสรรเสริญอีกด้วย เมื่อมีประกาศรับสมัครทหารลงมาเขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเข้าร่วมกองทัพ
‘รอข้านะ’ เขาเอ่ยกับเหยาเหนียง ก่อนจะหันกายจากไปอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเทจิตใจให้กับการสู้รบ
สองปีผ่านไปเหยาเหนียงเฝ้าตั้งตารอทุกทิวาราตรี ในที่สุดก็รอจนสามีกลับมา เขาไม่เพียงแต่นำพาเกียรติยศชื่อเสียงกลับมาเท่านั้น ในขณะเดียวกันเขาก็พาสตรีผู้หนึ่งกลับมาด้วย
สตรีผู้นั้นผิวพรรณขาวผ่องปานหิมะ รูปโฉมงามล้ำราวบุปผา อีกทั้งนางยังเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่ มีตำแหน่งฐานะสูงศักดิ์
‘เหยาเหนียง นางช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้ามิอาจติดค้างนาง เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่’ สามีคว้าไหล่ของนางเอาไว้ สายตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นคาดหวัง ขอร้องให้นางเข้าอกเข้าใจ
เหยาเหนียงมิได้ร้องไห้โวยวาย นางเพียงแค่มองดูเขาอย่างนิ่งเงียบและเฉยชา ในทรวงอกปวดหนึบๆ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังค่อยๆ สูญหายไป
ท่านติดค้างนางไม่ได้ แต่ว่าท่านกลับติดค้างข้าได้ ถ้อยคำประโยคนี้เหยาเหนียงหาได้เอ่ยออกมาไม่
วิธีตอบแทนบุญคุณมีตั้งมากมาย แต่สามีกลับเลือกที่จะตอบแทนด้วยร่างกาย เหยาเหนียงมิใช่คนโง่เขลา นางรู้ว่าที่สามีแต่งสตรีผู้นี้เข้ามาเป็นเพราะสตรีผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย สามารถช่วยให้เขาไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ ได้ นางยิ่งรู้ดีว่าสตรีเช่นนี้ไม่มีทางยอมเป็นแค่เพียงอี๋เหนียงอย่างแน่นอน
ครึ่งปีผ่านไปเหยาเหนียงหอบหนังสือหย่าเล่มหนึ่งออกมาจากบ้านสามี แล้วก็เริ่มใช้ชีวิตหลบหนีเอาตัวรอดมาตั้งแต่บัดนั้น
นางดูเหมือนอ่อนแอบอบบาง แต่จริงๆ แล้วมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวแกร่งกล้ายิ่ง มิใช่ว่าพอจากสามีมาแล้วนางก็จะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้
ในทางกลับกันพอมีประสบการณ์หลบหนีเอาตัวรอดมากขึ้น นางก็รู้จักเย็บถุงลับเอาไว้ในเสื้อในกางเกง พกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา
นางเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่ง เรียนรู้ที่จะต่อรองราคากับร้านหาบเร่ในตลาด เรียนรู้ว่าทุกคราเมื่อไปถึงที่ใดแล้วต้องสำรวจสถานการณ์เสียก่อนแล้วค่อยวางแผน เรียนรู้ที่จะไม่ทำตัวให้โดดเด่นสะดุดตาผู้อื่น รู้จักทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่น และยิ่งเรียนรู้ที่จะหาเงินทองมาเลี้ยงดูตัวเอง
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้นางถือว่าได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย ได้เปิดโลกทัศน์ไม่น้อย หากมิใช่เพราะสตรีผู้นั้นส่งมือสังหารมาตามไล่ล่านางล่ะก็ ป่านนี้นางคงหาสถานที่ที่ไหนสักแห่งเพื่อตั้งตัวลงหลักปักฐานใช้ชีวิตอย่างมั่นคงไปนานแล้ว
หลังจากเหยาเหนียงหนีออกจากหอผนึกมารเข้ามาในตัวเมือง นางก็นำทองคำแผ่นในกระเป๋าลับไปแลกเป็นเศษเงิน จากนั้นเข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ระหว่างทางมานี้ไม่มีใครไล่ตามมา นอกเสียแต่เชือกแดงจอมตื๊อที่เอาแต่ตามติดนางมาไม่หยุดเส้นนั้น ไล่ก็ไล่ไม่ไป ฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย นางจึงต้องพามันมาด้วยกันอย่างจำใจ
หลังจากกินดื่มจนอิ่มเอม อาบน้ำจนสดชื่นในโรงเตี๊ยม นางก็นอนหลับอย่างเต็มอิ่มอีกหนึ่งตื่น เช้าวันถัดมาพอตื่นจากนิทรานางอ้าปากหาวหวอด ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ขณะที่กำลังจะขยี้ดวงตาอันง่วงงุนสะลึมสะลือ บุรุษที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะก็ส่งเสียงทักทายนางขึ้นมา…