จิ้นเสวียนแทบจะเปิดค้น ‘ตำราสัตว์วิเศษ’ และ ‘คัมภีร์รวมเรื่องปีศาจ’ ในหอเก็บตำราจนหมดแล้ว แต่ก็หาบันทึกเกี่ยวกับการที่ปีศาจไม่กลัวค่ายกล ไม่กลัวคาถาอาคมไม่เจอ ยิ่งค้นหาสาเหตุที่อาวุธเวทปราบปีศาจล้มเหลวไม่เจออีกเหมือนกัน
หรือว่านางปีศาจตนนั้นจะเป็นข้อยกเว้นเป็นตนแรก?
ตอนที่อาจารย์สิ้นชีวิตเขาเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีเท่านั้น วิชาคาถาต่างๆ ล้วนอาศัยการศึกษาค้นคว้าเคล็ดวิชา ขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ด้วยตนเอง
เพื่อสร้างสำนักอันยิ่งใหญ่รุ่งเรือง สร้างชื่อเสียงน่ายำเกรง เขาพยายามค้นคว้าคาถาปราบมารและอักขระชนิดต่างๆ บัดนี้พอมีปีศาจที่แตกต่างจากตนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรก ลบล้างวิชาความรู้เกี่ยวกับปีศาจที่เขาร่ำเรียนมาตลอดหลายปี สำหรับเขานี่เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนใจอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามที่น่าหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
เขาพลิกเปิดอ่านตำราปราบมารทุกยุคทุกสมัยแต่ก็หาสาเหตุไม่เจอ ดูท่าแล้ว คงจะต้องตรวจสอบจากร่างของนางปีศาจตนนั้นเท่านั้น
พอเดินออกมาจากหอเก็บตำราเขาก็พลันโบกมือ ประตูทองแดงอันหนักอึ้งที่ด้านหลังปิดเข้าหากันด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกเท้าเดินไปยังเรือนเล็กที่คุมขังนางปีศาจตนนั้น
เรือนเล็กตั้งอยู่ที่ภูเขาด้านหลังของสำนักจี้อวิ๋น เดิมทีเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ปกติเขาเอาไว้ใช้นั่งทำสมาธิ ที่ตั้งของเรือนหลังนั้นห่างไกลลับหูลับตาคน อยู่ห่างจากเรือนพำนักของลูกศิษย์คนอื่นๆ พอสมควร เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการกักตัวนางปีศาจเอาไว้
เขาเดินมาถึงหน้าประตูเรือน จากนั้นก็ใช้ปลายเท้าแตะพื้น โผทะยานร่างกายอย่างแผ่วเบาราวกับนกนางแอ่น กระโดดข้ามกำแพงสูงตระหง่าน ก่อนจะลงพื้นอย่างเงียบเชียบ มิให้ผู้อื่นรู้ตัว
“อาจารย์!”
เท้าของจิ้นเสวียนพลันพลิกเซเสียจังหวะในทันใด หวุดหวิดจะยืนไม่อยู่ เขารีบหันกลับมาถลึงตาใส่ศิษย์คนโตทันที
จิ้งเฟิงรีบสาวเท้าเข้ามาหา “อาจารย์ ท่านมาแล้วหรือขอรับ!”
นี่มิใช่วาจาไร้สาระหรอกหรือ หมัดของจิ้นเสวียนคันยิบๆ แต่ก็ยังคงข่มกลั้นเอาไว้
“เจ้ามาทำอันใดอยู่ที่นี่”
“อาจารย์ ท่านลืมแล้วหรือ ท่านสั่งให้ข้ารับผิดชอบดูแลความเป็นอยู่ของเหยาเหนียงเองนี่ขอรับ”
พูดตามตรงจิ้นเสวียนเองก็ลืมไปแล้วจริงๆ พอเขาเอ่ยย้ำเตือนถึงนึกขึ้นมาได้ และเพิ่งจะสังเกตเห็นถ้วยและตะเกียบที่อยู่ในมือของศิษย์คนโตเช่นกัน
ที่สั่งให้เขาดูแลความเป็นอยู่ของนางก็เพื่อให้คอยจับตาดู แต่ทว่าแม้กระทั่งถ้วยกับตะเกียบที่คนอื่นใช้กินข้าวเขาก็ยังล้างให้ด้วยเสียอย่างนั้น
“อาจารย์ ข้าไปล้างถ้วยก่อนเดี๋ยวกลับมาขอรับ” เขาแย้มยิ้มอย่างสดใสเจิดจ้า ทว่าพอหันกลับไปใบหน้าก็เผยความร้อนตัวออกมา เขาตะโกนเสียงดังขนาดนี้ คนที่อยู่ในเรือนคงจะได้ยินกระมัง ถ้าหากอาจารย์เห็นอาเจียวเข้าคงจบเห่แน่ ต้องแอบซ่อนให้ดีๆ เล่า!
จิ้นเสวียนจ้องแผ่นหลังของศิษย์คนโตเขม็ง ก่อนจะหันหน้ากลับมามองเข้าไปในเรือน หัวคิ้วขมวดแน่น ลอบตื่นตกใจอย่างห้ามไม่อยู่ ไฉนไอปีศาจบนร่างของนางถึงได้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมเล่า
เขาสาวเท้าเดินขึ้นบันไดไป เปิดประตูเดินเข้าไปในเรือน แต่กลับเห็นว่าภายในเรือนมีสตรีผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่อย่างสะโอดสะอง นางเกล้ามวยผมอย่างสตรีที่ออกเรือนแล้ว นัยน์ตาใสกระจ่างดุจดั่งสายธารแห่งสารทฤดู กลีบปากแดงเปล่งปลั่งโดยที่มิต้องแต่งแต้มชาดประทินโฉม นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสุภาพงามสง่า สูงส่งดุจดอกบัวที่ขึ้นอยู่ริมน้ำ นิ่งสงบสะกดใจคน
นัยน์ตาสีดำขลับของจิ้นเสวียนสะท้อนเงาร่างอรชรของนาง ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วันเขารู้สึกว่านางดูเหมือนจะงดงามขึ้นกว่าเดิม จิตใจจึงเผลอเลื่อนลอยไปชั่วขณะ แต่ต่อมาเสียงระฆังเตือนภัยในสมองก็ดังขึ้น เขาตีสีหน้านิ่งขรึม คิดในใจว่าวิชายั่วยวนของนางปีศาจจิ้งจอกช่างร้ายกาจเสียจริงๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้เขาเกิดภาพมายาว่าตนเองเผลอจับคนผิดไปจับเอาสตรีในห้องหอคนหนึ่งมา
เขาแอบลอบโคจรพลัง ความน่าประหวั่นพรั่นพรึงปะทุออกมารอบสรรพางค์กาย เขาเดินตรงเข้าไปเอ่ยเรียกนางเสียงเยียบเย็น “นางปีศาจจิ้งจอก”
ครั้นเหยาเหนียงได้ยิน ก้นบึ้งของดวงตาก็พลันโกรธจัด ก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว
จิ้นเสวียนคิดว่านางหวาดกลัวไอดุดันที่ตนเองแผ่กำจายออกมา จึงรู้สึกพออกพอใจยิ่ง
“มานี่” เขาออกคำสั่ง
นางไม่ฟังคำสั่ง แววตายิ่งทวีความเย็นชามากขึ้น
จิ้นเสวียนคิดว่าการสั่งสอนปีศาจก็เหมือนกับฝึกม้า ล้วนแต่ต้องปราบพยศของอีกฝ่ายเสียก่อน ในเมื่อนางไม่เดินเข้ามา เขาก็เดินประชิดเข้าหาทีละก้าวๆ ในขณะที่นางกำลังจะถอยไปอีกด้านนั้น เขาก็สาวเท้าพรวดเข้าไปหา ฝ่ามือใหญ่คว้าข้อมือของนางเอาไว้แน่น
จิ้งเฟิงซึ่งเดินวนเวียนอยู่นอกเรือนพลันได้ยินเสียงกระทบกระแทกดังปึงปังจากในเรือน รวมถึงเสียงสลัดดิ้นอย่างระงับโทสะของสตรี จึงทำให้เขาใจร้อนดั่งเพลิงแผดเผา แต่ก็ติดที่อาจารย์เข้มงวดน่ายำเกรง เขาจึงมิกล้าบุกเข้าไปโดยพลการ
เขาร้อนรนกระสับกระส่ายราวกับมดบนกระทะร้อนๆ อยากจะเข้าไปแต่ก็ไม่กล้าเข้าไป ขณะที่กำลังกลัดกลุ้มไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น จู่ๆ เสียงกรีดร้องของเหยาเหนียงก็ดังลอยออกมาจากด้านใน ทำให้เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป