นางชายตามองเงาร่างสูงโปร่งบนหอซือเฟยนั้นอีกแวบ ประทับคนรูปงามไว้ในก้นบึ้งของใจด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็กระโจนออกนอกกำแพงไปอย่างเด็ดเดี่ยว และตะบึงจากไปไกลโดยไม่เหลียวหลัง
นางไม่รู้แม้แต่น้อยว่านิ้วมือในแขนเสื้อของคนบนหอซือเฟยกดลงบนขอบหน้าต่างอย่างแรงเพียงใด ตอนที่นางทะยานร่างหายลับไปอีกด้านของกำแพงสูง ผู้เป็นเจ้าของหอซือเฟยแทบจะบีบขอบหน้าต่างแหลกละเอียดอยู่รอมร่อ…
นางจากไปโดยไม่ลา ช่างเป็นการยั่วโทสะบางคนอย่างแท้จริง
ชานเมืองทางตะวันตกของเมืองหลวง
“อาจารย์…”
“เหตุใดจึงกลับมาช้าหนึ่งวัน” ในโถงเล็กเรียบง่ายของเรือนไผ่ แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าของบุรุษเกิดเป็นน้ำหนักแสงเงา ท่าทางคล้ายอ่อนโยน ทั้งน้ำเสียงก็เนิบช้า กระนั้นสายตาที่จับจ้องคนที่หวนกลับมาในยามราตรีนี้กลับติดจะลุ่มลึกหนักอึ้งยิ่ง
อูลั่วซิงกลั้นอาการไอ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงค่อย “ฝ่ายตรงข้ามสุดท้ายเปลี่ยนใจ ไม่ยอมมอบของออกมา จำต้องลงมือแย่ง”
“แล้วของเล่า ได้มาอยู่ในมือจริงๆ หรือไม่” เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พนักวงโค้งทันใด ช่วงคิ้วตาฉายประกายเฉียบขาด
อูลั่วซิงพยักหน้า หยิบกล่องแบนออกมาจากอก ก่อนจะวางบนเก้าอี้ไผ่อย่างนอบน้อม
เมื่อเปิดกล่องแบนนั้นออกและเห็นสมุนไพรวิเศษสีม่วงเข้มที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ยิ่ง อูติ้งเซินก็พลันมีสีหน้าผ่อนคลายลง มุมปากค่อยปรากฏแววนุ่มนวลขึ้นบ้าง “รับเงินผู้อื่นช่วยกำจัดเคราะห์ภัย ในเมื่อช่วยกำจัดเคราะห์ภัยของฝ่ายนั้นสำเร็จ ค่าตอบแทนที่ตกลงกันก็จำเป็นต้องจ่ายถึงที่สุด หากคิดเปลี่ยนใจย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เขาเว้นวรรคไปชั่วอึดใจและเอ่ยต่อ “เจ้านอกจากช่วงชิง ได้จบชีวิตอีกฝ่ายพร้อมกันด้วย?”
อูลั่วซิงเม้มปากพลางผงกศีรษะกล่าว “เจ้าค่ะ”
“ทำได้ดีมาก” อูติ้งเซินนั่งลงใหม่และพลันเอ่ยถาม “เจ้าได้รับบาดเจ็บจึงกลับล่าช้าใช่หรือไม่”
อูลั่วซิงนึกว่าตนเองปกปิดดีเยี่ยมที่แท้อาจารย์ก็มองออก นางทนไม่ไหวในที่สุด เบือนหน้าไปไอเบาๆ สองครั้ง ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้ากล่าว “ศิษย์ไม่เป็นอะไรมาก ปรับลมปราณด้วยตนเองก็สามารถฟื้นคืนเป็นปกติได้”
ในยามนั้น ที่ตามมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าแผ่วเบา เงาร่างอรชรปรากฏขึ้นข้างประตูโถงเล็ก
หญิงสาวท่าทางอายุสิบห้าสิบหกเห็นอูลั่วซิงกลับบ้านมาเช่นนี้ ใบหน้าที่ดูอมโรคก็แย้มยิ้มเบิกบานขึ้นทันที “ศิษย์พี่! เฉี่ยวเอ๋อร์ว่าแล้วเชียวว่าศิษย์พี่กลับมา ข้านอนๆ อยู่ เหมือนได้ยินเสียงศิษย์พี่เข้ามา แล้วก็เป็นดังนั้นจริงๆ”
อูเฉี่ยวเอ๋อร์ก้าวเข้ามาในโถง ตรงโถมเข้าใส่อ้อมกอดของอูลั่วซิง
อูลั่วซิงค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหัวศิษย์น้อง
อูติ้งเซินลุกขึ้นเดินไปยังข้างกายทั้งคู่ ก่อนจะประคองอูเฉี่ยวเอ๋อร์ออกอย่างเบามือพลางพูดเสียงนุ่มนวล “ศิษย์พี่เจ้ายุ่งหลายวันเพียงนั้นก็เหนื่อยแล้ว เจ้าอย่าไปตอแยจนนางไม่ได้พักผ่อน มา พ่อพาเจ้ากลับห้อง เฮ้อ…ดึกเพียงนี้ยังคลำทางมาเองอีก หากสะดุดของอะไรล้มจะทำอย่างไร”
“ท่านพ่อ คืนนี้ข้าอยากนอนเตียงเดียวกับศิษย์พี่ ได้หรือไม่เจ้าคะ” นางทำปากยื่นออดอ้อน
“ไม่ได้ หากเจ้าขอนอนกับศิษย์พี่ ย่อมต้องพูดคุยกันทั้งคืน แม้ศิษย์พี่เจ้าทนได้ แต่เจ้ารับไม่ไหว”
“ท่านพ่อ ข้าขอร้องล่ะ…” สองมือนางเขย่าแขนของผู้เป็นพ่อ
“ไม่ได้”
“เชอะ!”
“เฉี่ยวเอ๋อร์ทำตัวว่าง่ายกับพ่อหน่อย ดูสิ ศิษย์พี่เจ้าได้หญ้าหลิงจี้กลับมาอีกต้นแล้ว พวกเราใกล้จะรวบรวมครบเจ็ดต้นแล้ว พ่อรับรองกับเจ้า อีกไม่นานก็จะบำรุงร่างกายเจ้าแข็งแรง รักษาโรคทั้งหมดในตัวเจ้าจนหาย เจ้าต้องว่าง่ายๆ ก่อน อย่าให้พ่อเป็นห่วงได้หรือไม่” เขาลูบศีรษะบุตรสาวที่รักใคร่อย่างทะนุถนอมยิ่ง
นับแต่อูเฉี่ยวเอ๋อร์ปรากฏตัว อูลั่วซิงก็ไม่เอ่ยวาจาสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่มีจังหวะให้นางเอ่ยปากเช่นกัน