ประมุขหุบเขาประหลาดผู้นั้นได้รับการขนานนามว่า ‘หมอผีหัตถ์เทวดา’ มานาน รักษาโรคหายยากมานับไม่ถ้วน หลังจากผ่านการเชื่อมสะพานนี้ของเหล่าเต้า ก็ได้เริ่มต้นเส้นทางอันยาวนานในการตามหาหญ้าหลิงจี้สิบปีนี้ของนางกับอาจารย์
เหตุผลที่สมุนไพรวิเศษอย่างหญ้าหลิงจี้นี้ยากที่จะหามาได้ นั่นเพราะมันเติบโตในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าจันทราโลหิตในแดนตะวันตกเท่านั้น
ขณะที่หลายปีที่ผ่านมา ยุทธภพจงหยวนมิได้ปฏิบัติอย่างเป็นมิตรกับเผ่าจันทราโลหิตนัก
ห้าหกปีก่อนนี้สองฝ่ายยังเคยสู้รบกันจริงๆ มาก่อน ตอนนั้นอูลั่วซิงทางหนึ่งติดตามอาจารย์ขึ้นเขาลงดินตามหาสมุนไพรวิเศษ อีกทางหนึ่งต้องรับใบสั่งช่วยกำจัดเคราะห์ภัยให้นายจ้างทั้งหลาย แม้ไม่เคยเห็นกับตา แต่ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเผ่าจันทราโลหิตคนหนึ่งเคยก่อกวนทั้งยุทธภพจงหยวนจนไก่บินสุนัขกระโดด ทุกผู้คนล้วนหวาดกลัว
เผ่าจันทราโลหิตแยกตัวและลึกลับยิ่ง ตำแหน่งของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คนนอกไม่มีทางล่วงรู้ อาจารย์กับนางเดินทางมุ่งสู่แดนตะวันตกหลายครั้งล้วนหาทางเข้าไม่พบ หญ้าหลิงจี้หนึ่งต้นยากหามา สุดท้ายอาจารย์ได้แต่กระจายข่าวและใช้เงินจำนวนมากซื้อข่าวจากทางเหล่าเต้า สืบค้นว่าในมือผู้ใดมีหญ้าหลิงจี้ ขอเพียงให้หญ้าหลิงจี้เป็นค่าตอบแทน ไม่ว่าเรื่องยากเพียงใดล้วนทำให้ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าคนผู้นั้นสังหารยากเพียงไรนางก็จะต้องลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าจนสำเร็จในที่สุด
ในค่ำคืนนี้หญ้าหลิงจี้ที่นางนำกลับมาคือต้นที่หกของรอบสิบปีนี้
ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้อาวุโสในสำนักเล็กๆ เจ้าสำนักถูกคนสนิทร่วมมือกันวางแผนประทุษร้าย ผู้อาวุโสใช้หญ้าหลิงจี้ในมือเป็นค่าตอบแทน หมายเอาคืนการสังหารด้วยการสังหาร หมายจะพลิกท่วงทีของสำนักให้กลับมาถูกต้อง
นางคิดไม่ถึงหลังจากภารกิจลุล่วง ฝ่ายตรงข้ามเกิดกลับคำ คิดเพ้อฝันอยากจะไสส่งนางด้วยเงินอันน้อยนิด
‘แม่นาง นี่เป็นสมุนไพรวิเศษเชียวนะ ไม่เพียงสามารถยืดอายุให้ยาวนาน ยังช่วยคืนความหนุ่มสาวชะลอวัย ข้าได้หญ้าหลิงจี้ต้นนี้มาด้วยเหตุบังเอิญทั้งสิ้น หนึ่งเดียวไม่มีสอง ขะ…ข้าให้เจ้าไม่ได้! ไม่อาจทำได้!’
ชายชราตระบัดสัตย์ นิ้วมือเหี่ยวย่นจับกล่องแบนแน่น ผู้คนในสำนักด้านหลังที่เปลี่ยนไปฟังคำสั่งเขามีท่าทีพร้อมใจจะกรูเข้ามาสังหารนางให้ตาย
นางจึงเปิดศึกการแย่งชิงทันที เมื่อลงมือก็ทำคนเจ็บหนักไปไม่น้อย
แต่เมื่อครู่นางโป้ปดกับอาจารย์ แท้จริงนางมิได้ลงมือสังหารคนเหล่านั้น เพียงแย่งกล่องแบนมาได้และแน่ใจว่าด้านในคือหญ้าหลิงจี้ไม่ผิดพลาด ก็ซัดคนพวกนั้นล้มลงและหนีมา
นางไม่กล้าให้อาจารย์รู้ว่าทำอะไรมาจึงบาดเจ็บ
เดิมนางสามารถกลับมาก่อนหน้านี้สองสามวัน ทว่านางกลับเอาหญ้าหลิงจี้ไปซ่อนก่อน ลอบเข้าจวนจงหย่งกงฆ่าสังหารอีกหนึ่งยก
เรื่องบางเรื่องหากได้ข้องแวะ ก็จะต้องทำให้จงได้ ถ้าไม่ได้ทำ ตนเองก็จะติดอยู่ในความรู้สึกผิดของตนเอง
‘นอนเถิด ไม่ต้องคิดเรื่องใดทั้งสิ้น ให้ข้าช่วยเจ้า’
‘ซ่อนตัวให้ดี…ท่านอ่อนแอมาก อันตราย…’
‘…รู้หรือไม่ ผู้ที่ใจอ่อนต่างหากที่อ่อนแอ แม่นางใจอ่อน แม่นางจึงจะเป็นฝ่ายที่อ่อนแอผู้นั้น’
ในหูมีเสียงพูดโต้ตอบสั้นๆ แว่วผ่านไปโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
เสียงบุรุษอ่อนละมุน เสียงหญิงสาวต่ำพร่าและเปราะบาง…
อูลั่วซิงพลันรู้สึกว่าการโคจรลมปราณภายในยุ่งเหยิงวุ่นวาย นึกว่าต้องหยุดเดินลมปราณอย่างเลี่ยงไม่ได้ กระนั้นสติกลับจมดิ่งลงอย่างหนัก พริบตานั้นราวกับถูกแรงถ่วงไร้รูปขุมหนึ่งดึงลงสู่เบื้องล่าง ร่วงตกลงไปลึกยิ่ง…
นางตกกระแทกลงสู่ห้วงขมุกขมัวไร้พรมแดน ยามเมื่อสภาวะทิ้งดิ่งหยุดลง นางมิได้ร่วงลงมาเจ็บ แค่สับสน…
“ในที่สุดก็ยอมให้ข้าเข้ามาแล้ว” เสียงบุรุษนุ่มละมุนสายนั้นที่เพิ่งฉุกคิดถึงเมื่อครู่ เวลานี้ดังขึ้นในสติรับรู้ของนาง
อูลั่วซิงดันพื้นลุกขึ้น ดวงตาเบิกกลมไม่กะพริบแม้แต่น้อย จ้องเขม็งไปที่หมอกหนาดำทะมึนเบื้องหน้า
หมอกหนาปั่นป่วน เหมือนลมพายุหมุนวนเปลี่ยนแปลงพิลึกพิลั่น พลันเห็นเงาร่างบุรุษสูงโปร่งก้าวออกมาจากด้านหลังของสายหมอก
บุรุษสืบเท้าเชื่องช้า ชุดคลุมยาวล่องลอยหลากสีสัน เรือนผมสีดำแผ่สยายน้อยๆ ดุจสายน้ำไหล ใบหน้าขาวกระจ่าง ขาวจนทอแสงเรื่อเรืองจางๆ พาให้ใบหน้าที่มีเส้นสายงดงามนั้นดูประหนึ่งความฝันประดุจภาพมายา ไม่เหมือนเรื่องจริงเท่าใดนัก
“ขะ…ข้าต้อง…ต้องธาตุไฟเข้าแทรกเป็นแน่…” นางพึมพำด้วยจิตใต้สำนึก คิดเหตุผลอื่นไม่ออก