บทที่ห้า มูลค่าเท่าไข่สองฟองพอดี
อูลั่วซิงแบกบุรุษรูปงามขึ้นหลังอีกครั้ง ใช้กำลังภายในเหินทะยานไปทางตัวเมือง
ทั้งที่เป็นบุรุษตัวโตคนเดียวกัน น้ำหนักเท่ากัน ทว่าแบกครั้งนี้กลับยากเย็นกว่ามากโข ในใจนางกระจ่างชัดยิ่งว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร…เพราะครั้งนี้ เขาตื่นอยู่
บางทีอาจเป็นนางที่คิดไปเอง มักรู้สึกว่าตลอดทางใบหน้าของเขาอิงแอบแนบเข้ามาเสมอ กลิ่นอายบุรุษอันอบอุ่นและเยียบเย็นเป่ารดริมหูและซอกคอของนางอย่างใกล้ชิดมาก ส่งผลให้แผ่นหลังของนางชาหนึบ ชาเรื่อยไปจนถึงกลางกระหม่อม
จากนั้นก็เป็นริมฝีปากเขา ตามที่นางกระโจนร่างขึ้นลง ริมฝีปากเขาเฉียดผ่านผิวข้างใบหูของนางไปอย่างคล้ายเจตนาคล้ายไม่เจตนา ทำเอาผิวบริเวณนั้นทั้งร้อน ชา แสบ และก็คัน นางอยากยกมือขึ้นขยี้อย่างหนักหน่วงสักหน ทว่าชั่วขณะก็ปลีกมือออกไปไม่ได้ ส่งผลให้นางรู้สึกแปลกประหลาดไปหมดทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้า
นางหลบเลี่ยงทหารเฝ้ารักษาการณ์เมืองกระโดดข้ามไปในกำแพง ฉับพลันนั้นก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศหนาวยะเยือก
คดีคุณชายใหญ่จวนจงหย่งกงถูกลอบสังหารพร้อมกับตัดหัวไป สองสามวันนี้สร้างความวุ่นวายจนอลหม่านไปทั้งเมือง ต่อให้ล่วงเข้ายามวิกาล ภายในเมืองหลวงยังคงมีคนของหน่วยหยาเหมินแห่งสามตุลาการประสานงานกับทหารของจวนจงหย่งกงไล่ตามจับผู้ร้าย ออกคำสั่งห้ามออกนอกเรือนยามวิกาล หากถูกจับขึ้นมาก็คงไม่น่าสนุกจริงๆ
ถึงอย่างนั้นทางใต้ของเมืองท้ายที่สุดก็เป็นย่านละลายทรัพย์ เป็นสถานที่หาความสุขสำเริงใจของราชนิกุลและคนสูงศักดิ์มั่งมีของเมืองหลวง กฎห้ามออกนอกเรือนยามวิกาลนั้นเมื่ออยู่ที่นี่ค่อนข้างจะใช้การไม่ได้สักเท่าใด
ครั้นแบกคนดอดเข้ามาในเขตทางใต้ของเมือง อูลั่วซิงก็ลอบพรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง ด้วยความสามารถของนางต้องการหลบเลี่ยงการไล่ล่าทั่วท้องถนนหนทางมิใช่เรื่องยากเกินไป แต่สุนัขดุร้ายที่จวนจงหย่งกงเลี้ยงไว้ไม่กี่ตัวนั้นเป็นหนามยอกอกอย่างแท้จริง หลบเลี่ยงพวกมันได้อย่างราบรื่นถือเป็นเคราะห์ดีมหาศาล นางไม่ต้องการให้ฉินชิวตกอยู่ในอันตรายเพราะนางอีก
ทว่าก็อดแคลงใจอยู่บ้างไม่ได้ หลายต่อหลายครั้งที่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนแหลมสูงกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบสับสนปนเปดังมาทางนาง ทุกรอบนางล้วนเตรียมตัวรับมืออย่างดี แต่สุดท้ายคนเหล่านั้น สุนัขดุร้ายไม่กี่ตัวนั้นก็มักจะเปลี่ยนทิศทางกะทันหันเมื่ออยู่ไม่ไกลนัก หรือบางครั้งเสียงก็ขาดหายไปฉับพลัน คล้ายถูกกำราบในชั่วพริบตา ขยับเขยื้อนไม่ได้อีก
เรื่องราวผิดไปจากที่คาดย่อมมีกลลวงอะไรบางอย่าง นางรู้ทั้งรู้เช่นนี้แต่ก็หาต้นตอของกลลวงนั้นไม่พบ
ทว่านางกลับรู้ชัดว่าเกิดความผิดปกติกับตนเอง…ก็นางถูกบุรุษเย้าหยอกอย่างหนักมาตลอดทางนี่นา
สุดท้ายนางส่งบุรุษรูปงามกลับหอซือเฟยของเขาอย่างปลอดภัยไร้ตำหนิ แต่จิตใจที่ว้าวุ่นแล้วถึงเวลาที่ควรตัดขาดก็ไม่อาจตัดขาดได้ จะให้นางหันหน้าจากไปเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะรู้สึกหักใจไม่ลง
เปลี่ยนไปมองทางฝั่งของฉินชิว เพื่อหยอกเย้าแม่นางนักฆ่าผู้จิตใจแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้าอย่างถึงที่สุด เขาเรียกได้ว่าทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถ
หยิบยืมข้ออ้างที่นางอยากตอบแทนบุญคุณ ฉวยโอกาสขึ้นหลังนาง ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวนางมาตลอดทาง
เดิมพันว่านางไม่มีวันที่จะล้มเลิกทอดทิ้งเขากลางทางเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้จึงแนบชิดนางพยายามทำคลุมเครือเท่าที่ทำได้ ก่อกวนประสาทสัมผัสทั้งห้าของนาง รุกล้ำลมหายใจนาง…
เขายังต้องรับมือกับกำลังคนที่ไล่ตามพวกเขามาอีกหลายกลุ่ม สำแดงวิชาสวมวิญญาณกลางอากาศฝึกฝนสำเร็จไม่ง่าย ทว่าก็เป็นยอดวิชาสร้างชื่อของเขา อันดับแรกตามหาเสียงเห่าของสุนัขดุร้ายแล้วสืบสาวตามเถาวัลย์ไปหาผลแตง เมื่อลงมือกับสุนัขดุร้ายสองสามตัวนั้นได้ก็จะประสบผลมากโดยไม่ต้องเปลืองแรง ค่อยต่อจากสุนัขไปหาคน ถักทอตาข่ายไร้รูปขนาดยักษ์ เขาก็จะควบคุมทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เขาขับไล่ทั้งคนและสุนัขไปทั้งหมด ทั้งยังยั่วเย้าด้วยเสน่ห์ตลอดทาง ผลคือหลังจากนางหลบเลี่ยงหูตาผู้คนส่งเขาเข้ามาในหอซือเฟย ก็เพียงยืนทื่ออยู่ตรงนั้น
ยืนทื่ออยู่จริงๆ ทื่อเอาเรื่องเลยล่ะ!