ค่ำคืนเดียวกันนั้นในอีกห้วงมิติเวลาหนึ่ง…
ซูเพียนจื่อปีนข้ามรั้วกำแพงของอารามเต๋าที่กำลังซ่อมแซมอยู่มาอย่างเบามือเบาเท้ายิ่ง หลังจากประเมินเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่สักครู่ สาวน้อยก็งัดอิฐออกมาหนึ่งก้อน แล้วอาศัยความทรงจำเมื่อตอนกลางวันคลำหาเส้นทางไปจนถึงข้างสระขอพร เธอซ่อนตัวอย่างรอบคอบอยู่ในเงาไม้พักหนึ่ง แม้ไม่เห็นใครเดินผ่านมาทั้งสิ้น แต่เธอก็ยังไม่ค่อยวางใจอยู่ดี จึงเงื้อก้อนอิฐขว้างเต็มแรงไปทางสระนั้นดูเสียเลย!
ก้อนอิฐที่ตกลงไปทำให้น้ำสาดกระจายเป็นวงกว้างพร้อมด้วยเสียงตูมที่ดังชัดเป็นพิเศษ เกิดความเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตเช่นนี้แล้ว หากละแวกใกล้เคียงมีใครอยู่ก็จะต้องวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
ซูเพียนจื่อรอคอยอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นว่ามีใครมา เธอจึงวางใจลงได้เสียที เห็นชัดว่านักพรตในอารามแห่งนี้ล้วนเป็นพวกที่ชอบกินแต่ขี้เกียจทำ กลางคืนไม่มีนักท่องเที่ยวก็ยิ่งไม่มีเงินที่จะเก็บเกี่ยวได้ แล้วมีหรือที่พวกเขาจะยอมวิ่งออกมาเป็นอาหารยุง
สาวน้อยวิ่งฉิวไปถึงริมสระในไม่กี่ก้าวแล้วเปิดสวิตช์กระบอกไฟฉายส่องไปที่ก้นสระ เมื่อกลางวันตรงนี้ก็คือที่ที่สร้อยคอของเธอบังเอิญขาดจนตัวจี้พลอยร่วงลงสระไปด้วย แต่นักพรตผู้มีหน้าที่เฝ้าสระขอพรคนนั้นเป็นตายก็ไม่ยอมให้เธอลงน้ำไปควานหา สุดท้ายเรื่องจึงไปถึงครูประจำชั้นที่พาพวกเธอออกมาทัศนศึกษาจนได้
ซูเพียนจื่อรู้ว่าที่ผ่านมาครูประจำชั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีกับลูกศิษย์ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าส่งมาเข้าเรียนอย่างเธออยู่แล้ว หากเรื่องบานปลายใหญ่โตก็รังแต่จะแย่ยิ่งกว่าเดิม เธอจึงจำใจกัดฟันยอมจากไปก่อน
จี้ไม้แกะสลักที่ร้อยอยู่กับสร้อยคอนั้นคล้องติดตัวเธอมานับแต่จำความได้ ถึงแม้จะไม่รู้ที่มา แต่เธอก็ดึงดันจะเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของตนอย่างแน่นอน ของสำคัญเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาคืนมาให้ได้
แสงไฟจากกระบอกไฟฉายนั้นอ่อนมาก ซ้ำน้ำขุ่นในสระนี้ก็ไม่รู้ว่าขาดการเปลี่ยนถ่ายมานานเท่าไรแล้ว ซูเพียนจื่อจึงพับขากางเกงขึ้นเสียเลย จากนั้นก็ปีนข้ามราวกั้นแล้วกระโดดย่ำลงสระไปค้นหาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดสาวน้อยก็พบจี้สร้อยคอของตนโผล่มุมเล็กๆ ให้เห็นอยู่ข้างใต้เหรียญเงินหลายเหรียญ เธอจึงไม่มัวคำนึงถึงสิ่งใดอีก รีบถลกแขนเสื้อค้อมเอวยื่นมือไป หมายจะควานเก็บจี้นั้นขึ้นมาท่าเดียว
ทว่าในตอนที่ปลายนิ้วของเธอเพิ่งจะแตะถูกจี้ไม้แกะสลักนั้นเอง จู่ๆ เสียงตวาดลั่นก็พลันดังมาจากด้านหลัง
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!”
เวรกรรม! ช้าไม่มาเร็วไม่มา ทำไมดันมาเอาตอนนี้นะ
ซูเพียนจื่อตื่นตกใจเป็นการใหญ่ มือข้างหนึ่งพอคว้าจี้ไม้แกะสลักได้ก็รีบคิดหาที่ซ่อนตัว
ทว่าขณะที่เธอกำลังจะชักมือกลับมา จี้ไม้แกะสลักที่อยู่ในอุ้งมือกลับพลันเปลี่ยนเป็นร้อนลวกราวถ่านติดไฟ จากนั้นรัศมีสีม่วงวงหนึ่งก็พรั่งพรูออกจากจี้ไม้มาห่อหุ้มทั่วร่างของเธอในพริบตา ความรู้สึกเดียวในขณะนั้นคือคล้ายตกอยู่ในวังน้ำวน มีพลังมหาศาลขุมหนึ่งกำลังฉุดดึงเธอลงไป
สาวน้อยยังไม่ทันได้ร้องตกใจก็สลบไปก่อนแล้ว ร่างกายที่จมลงสระไปอย่างเงียบเชียบพลันอันตรธานไปท่ามกลางรัศมีสีม่วงวงนั้น…
ในหัวสมองของซูเพียนจื่อมีความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นก่อนที่จะหมดสติ…
‘นักเรียนหญิง ม.ต้น ย่องเข้าอารามเต๋ายามวิกาล หมายขโมยเหรียญในสระขอพรแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายจมสระดับอนาถเพราะความลุกลน’
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ข่าวสังคมบนหน้าหนังสือพิมพ์ในตัวตำบลจะลงข่าวนี้เพิ่มมาหรือไม่
น่าขายหน้าชะมัดเลย!