สาวน้อยชุดเขียวตอบคำถามเธออย่างยิ้มแย้ม “ชาวสวรรค์ก็คือผู้ที่โครงสร้างร่างกายได้รับคุณสมบัติดีเลิศจากสวรรค์ คนเหล่านี้จึงไม่เพียงเกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในการฝึกวิชายุทธ์ หากยังมีสติปัญญาในการเรียนรู้ที่สูงส่งกว่าคนทั่วไปเป็นร้อยเท่า เกือบพันปีมานี้ชาวสวรรค์ที่ปรากฏตัวบนดินแดนพันเมฆามีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ! ตระกูลฝ่ายธรรมะทั้งหมดจึงต่างคาดหวังว่าสวรรค์จะเมตตา ประทานชาวสวรรค์มาช่วยพวกเราสืบสานเกียรติภูมิของวงศ์ตระกูล”
ซูเพียนจื่อยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนฝัน สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากคนหมดตัวที่เก็บลอตเตอรี่งวดปัจจุบันติดมือมาได้สองใบ แล้วได้รับแจ้งว่าลอตเตอรี่ทั้งสองใบนั้นถูกรางวัลที่หนึ่ง!
เธอไม่เพียงพลัดมาอยู่ในสถานที่ราวแดนเซียนแห่งนี้ได้อย่างอัศจรรย์ ยังมีคนบอกอีกว่าเธอก็คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ จัดอยู่ในจำพวกที่เลอค่าหายากและเป็นที่ต้องการในวงกว้าง…โชคดวงระดับนี้ถึงกับหล่นทับลงมาบนตัวเด็กกำพร้าที่แสนจะอาภัพอับโชคอย่างเธอจริงๆ น่ะหรือ!
“แล้วพวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าก็คือชาวสวรรค์” ซูเพียนจื่อสอบถามอย่างทั้งคาดหวังทั้งหวาดหวั่นว่าจะเจ็บปวดเพราะคำตอบนี้
“เมื่อครู่พวกข้าเห็นแต่ไกลว่าทางนี้มีไอสีม่วงสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นฟ้า รอบบริเวณนั้นกระหวัดวนไปด้วยเมฆห้าสีอันเรืองรอง นี่ก็คือปรากฏการณ์พิเศษเมื่อมีชาวสวรรค์จุติลงมา พวกเราจึงรุดมาจากทุกสารทิศ ระหว่างทางที่มาก็พบเห็นแม่นางแต่ผู้เดียว เช่นนี้แล้วชาวสวรรค์ย่อมต้องเป็นเจ้า อีกอย่างเจ้ายังอายุไม่ถึงยี่สิบปีกระมัง” สาวน้อยชุดเขียวชี้แจงอย่างกระตือรือร้น
ซูเพียนจื่อผงกศีรษะรับ เธอเพิ่งจะอายุสิบห้า เรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมปีที่สามเท่านั้น
“ชายหญิงทุกคนที่นี่เว้นแต่จะฝึกวิชาจนมีความก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นก่อนอายุยี่สิบความยาวของเส้นผมก็จะไม่เกินหนึ่งชุ่น* หากพลังวัตรหรือพรสวรรค์ยิ่งสูง เส้นผมจึงจะยิ่งยาวตาม เส้นผมของแม่นางยังยาวยิ่งกว่าของอาจารย์ข้าเสียอีก เจ้ามีพรสวรรค์โดยกำเนิดที่สูงส่งถึงเพียงนี้แล้ว หากไม่ใช่ชาวสวรรค์ยังจะเป็นอะไรได้เล่า” สาวน้อยชุดเขียวยิ่งพูดยิ่งคึกคักมากขึ้น
ซูเพียนจื่อประหลาดใจอยู่บ้าง ที่แท้เส้นผมของเธอพลันยาวขึ้นก็เป็นเพราะสาเหตุนี้เองหรือนี่
เมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ใจนี้ ซูเพียนจื่อก็ชักจะเชื่อมั่นขึ้นอีกนิดแล้วว่าตัวเองอาจเป็น ‘ชาวสวรรค์’ อย่างที่พวกเขาเรียกจริงๆ ก็เป็นได้
ตอนนี้เองสตรีวัยกลางคนในชุดกระโปรงสีเทาก็เดินมาพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชานิดๆ “เอาล่ะ ปี้หลัวเซียนจื่อ เจ้าก็เลิกพูดไม่หยุดปากเสียที แม่นางผู้นี้…เชิญเจ้าดึงแขนเสื้อขึ้นให้พวกข้าชมดูสัญลักษณ์บนแขนซ้ายสักหน่อยว่าที่แท้เจ้าเหมาะจะฝึกปรือยอดวิชาแขนงใดในห้าธาตุ*”
เมื่อสตรีชุดเทากล่าวคำพูดในใจทุกคนออกมา แต่ละคนก็กลั้นหายใจเพ่งมองไปที่แขนซ้ายของซูเพียนจื่อเป็นตาเดียว จนทำให้ผู้ถูกมองเกิดอาการหนังศีรษะชาหนึบ ในที่สุดเธอก็จำต้องม้วนแขนเสื้อสูงขึ้นอีกนิดอย่างไม่อาจขัดศรัทธาของผู้อื่นได้
บนเรียวแขนของสาวน้อยเกลี้ยงเกลาไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น จวบจนถึงบริเวณใกล้หัวไหล่จึงได้ปรากฏแผลรูปเมฆมงคลอยู่รอยหนึ่ง…
แผลเป็นรอยนี้มีสีที่อ่อนกว่าผิวพรรณโดยรอบเล็กน้อย นอกจากรูปทรงที่ค่อนข้างพิเศษแล้วก็มองไม่ออกว่ามีสิ่งผิดแปลกอื่นใด
ซูเพียนจื่อจำได้ว่าตำแหน่งนั้นควรจะเป็นรอยแผลจากการฉีดวัคซีนในวัยเด็ก เดิมทีไม่ได้มีรูปทรงแบบนี้เป็นแน่!