พอปี้หลัวเซียนจื่อกับสตรีชุดเทาที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้เห็นรอยแผลนี้ สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นแปลกพิกลอย่างยิ่ง คล้ายทั้งตกตะลึง ทั้งไม่อยากเชื่อ และทั้งผิดหวัง ปี้หลัวเซียนจื่อถึงกับร้อง ‘หา’ ออกมาเบาๆ และเอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน เหตุใดสัญลักษณ์นี้จึงไม่มีสีเล่า”
คนที่เหลือซึ่งยืนห่างไปอีกหน่อยพอได้ยินดังนั้นก็พากันล้อมวงเข้ามาดู ไม่ช้าสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นผิดหวังเช่นเดียวกัน
จากนั้นผู้เฒ่าชุดดำผมขาวหนวดขาวที่ดูสูงวัยกว่าใครก็เอ่ยกับผู้เฒ่าชุดน้ำเงินที่เคยสนทนากับซูเพียนจื่อก่อนหน้านี้ “นี่ดูคล้ายร่างของชาวสวรรค์ที่ถูกริบคุณสมบัติไปแล้ว น้องถาน ท่านเล่าคิดเห็นเช่นไร”
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินพิเคราะห์แขนซ้ายของซูเพียนจื่ออย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าทอดถอนใจ “พี่โจวกล่าวถูกต้องแล้ว นี่…นี่คือร่างของชาวสวรรค์ที่ถูกริบคุณสมบัติไปแล้วจริงๆ น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
ซูเพียนจื่อฟังแล้วรู้สึกว่าท่าจะไม่ดี จึงหันหน้ามองไปทางปี้หลัวเซียนจื่อผู้ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับเธอมาตลอดแล้วสอบถามอีกฝ่ายว่า “ที่ผู้เฒ่าสองท่านนั้นพูด มันหมายความว่าอย่างไรหรือ”
ใบหน้ารูปไข่ที่ชวนมองของปี้หลัวเซียนจื่อตอนนี้ไม่เหลือรอยยิ้มแม้แต่น้อย ในดวงตาของนางอัดแน่นไปด้วยแววดูแคลนและเอือมระอา ราวกับพลันเปลี่ยนเป็นคนละคน “ความหมายของพวกเขาก็คือ…เจ้ามันเป็นแค่ขยะน่ะสิ! ขยะที่หาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ฮึ! เสียเวลาข้าจริงๆ อุตส่าห์มีปรากฏการณ์เสียใหญ่โต ที่แท้กลับเป็นแค่ขยะ!”
จบคำนางก็สะบัดหน้าเดินฉับๆ กลับไปถึงข้างม้าพาหนะแล้วเหินร่างขึ้นไปนั่ง เพียงดึงเชือกบังเหียนขึ้น ม้าวิเศษตัวนั้นก็กระพือสองปีกทะยานเวหามุ่งหน้าไปทางตะวันออกในทันที ท่าทางราวกับหากเหลียวมองซูเพียนจื่ออีกเพียงแวบเดียว นางก็จะพลอยติดเสนียดไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น
การแสดงออกของคนที่เหลือก็ไม่ได้ดีไปกว่าปี้หลัวเซียนจื่อสักเท่าไร แต่ละคนบ้างก็ส่ายหน้าทอดถอนใจ บ้างก็มีสีหน้ายินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
จากนั้นเพียงพริบตาเดียวทุกคนก็จากไปหมดสิ้น
ซูเพียนจื่อยืนนิ่งอยู่กับที่ บนร่างเปรอะไปด้วยฝุ่นทรายที่ฟุ้งตลบตอนเหล่าม้าวิเศษเหาะขึ้นจากพื้น เธอจึงมีสภาพอเนจอนาถราวมนุษย์คลุกขี้ดิน แม้กระทั่งในปากก็มีแต่รสชาติของกรวดทรายเจือปน
บ้าบอชะมัด! ก็ว่าแล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้โชคดีอะไรขนาดนี้ ที่แท้ก็โกหกกันทั้งเพ!
ซูเพียนจื่อสะบัดฝุ่นทรายบนร่างออกอย่างท้อใจ เธอเหลียวมองซ้ายขวา หมายจะหาน้ำมาล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อน ค่อยคิดดูว่าถัดไปควรจะทำอย่างไรดี
“เจ้ามาจากที่ไหน”
จู่ๆ เสียงบุรุษที่น่าฟังอย่างยิ่งก็ดังมาจากด้านหลัง
ซูเพียนจื่อตกใจหมุนตัวไปก็เห็นหนุ่มน้อยรูปงามสวมชุดสีดำผู้หนึ่งยืนพิงอยู่ที่ข้างต้นไม้เก่าแก่ในระยะห้าถึงหกเมตร