“สกุลซูคือตระกูลสิบแปดมงกุฎไม่ใช่หรือ ร่างชาวสวรรค์ของนางถูกริบคุณสมบัติไป นั่นอาจเป็นแค่เรื่องลวงโลกก็ได้นะ” ปู่เฉินอวี่โต้แย้งอย่างไม่อาจทำใจยอมรับได้
เจิ้งเฮ่าอี้ถอนหายใจ ก่อนจะตอบอีกฝ่ายสั้นๆ เพียงไม่กี่คำ “พลังสะกดทางสายโลหิต”
ทุกคนในตระกูลโบราณล้วนตกอยู่ภายใต้พลังสะกดทางสายโลหิตมาแต่กำเนิด กล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือคนในตระกูลโบราณต่างๆ ไม่ว่าในใจจะยินยอมหรือไม่ ก็ล้วนต้องฟังบัญชาจากประมุขของตนโดยไม่อาจต่อต้านหรือควบคุมตนเองได้
นี่ก็คือพลังสะกดที่มาพร้อมกับสายเลือดและพรสวรรค์ ฉะนั้นต่อให้สตรีที่เขาได้พบในวันนี้มีจิตใจใฝ่ดี แต่ขอเพียงประมุขสกุลซูมีบัญชาลงมาคำเดียว นางก็ยังต้องทำตามคำสั่งอยู่วันยังค่ำ
ตระกูลฝ่ายอธรรมไร้ซึ่งคนดี นี่คือสิ่งที่ตระกูลฝ่ายธรรมะทั้งหมดรวมถึงชาวบ้านทั่วหล้าต่างยอมรับกันโดยทั่วไป
ปู่เฉินอวี่ขมวดหัวคิ้ว ในที่สุดก็ไม่โต้เถียงอีก
นี่ข้าทำนายพลาดไปจริงๆ หรือ
“พูดถึงพลังสะกดทางสายโลหิต เจ้าตั้งใจจะเชื่อฟังพ่อเจ้า ไปดองญาติกับหญิงจอมเสแสร้งแห่งตระกูลเทวโอสถนั่นจริงๆ น่ะหรือ” ปู่เฉินอวี่เอ่ยถาม
กาไหนไม่ได้ต้มรินกานั้น เจิ้งเฮ่าอี้คร้านจะพูดให้เปลืองน้ำลายอีก จึงตะบันหนึ่งหมัดใส่ใบหน้าอันหล่อเหลาดุจเซียนบนโลกมนุษย์ของอีกฝ่ายทันที
“โอ๊ย! เจ้าสหายบัดซบนี่! เคยตกลงกันแล้วมิใช่หรือว่าห้ามต่อยหน้า!” ปู่เฉินอวี่กุมใบหน้าที่ถูกชกจนเขียวปูดพลางเต้นผาง เขาไม่มัวรักษามาดใดๆ อีก โต้กลับไปโดยไม่มีท่าทีอ่อนแอให้เห็นแม้แต่น้อย
และแล้วการใช้ความรุนแรงชกต่อยกันระหว่าง ‘อัจฉริยะชั้นยอด’ ของตระกูลฝ่ายธรรมะสองคนก็เปิดฉากขึ้น
ข้ารับใช้ของสกุลเจิ้งเห็นแล้วเพียงแค่ต่างคนต่างง่วนกับงานของตนต่อ เห็นได้ชัดว่าเรื่องทำนองนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ระหว่างทางมุ่งหน้าสู่สกุลซูแห่งถ้ำพันจิ้งจอก ฝูอวิ๋นก็ชี้แจงเรื่องก่อนหน้านี้คร่าวๆ รอบหนึ่ง
สาเหตุที่มันกัดมือซูเพียนจื่อจนได้แผล เพราะจะต้องใช้โลหิตของผู้เป็นนายในการตั้งสัตย์ปฏิญาณเลือดต่อฟ้าว่านับจากนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่ มันจะเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ภักดีที่สุดของซูเพียนจื่อ ส่วนซูเพียนจื่อก็จะเป็นนายหนึ่งเดียวของมัน ซึ่ง ‘ตามหลักการ’ แล้ว มันจะปฏิบัติตามบัญชาของผู้เป็นนายทุกประการ
ฝูอวิ๋นเน้นย้ำคำว่า ‘ตามหลักการ’ เป็นอย่างมาก โดยมันให้คำอธิบายว่าเมื่อใดที่ผู้เป็นนายออกคำสั่งส่งเดช ขัดต่อความยินยอมพร้อมใจของมัน มันก็มีสิทธิ์เลือกที่จะเพิกเฉย
อย่างไรเสียมันก็เสนอตัวมาเอง ซูเพียนจื่อจึงไม่ถือสาในเรื่องนี้ เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจเท่านั้น
“เพราะอะไรอยู่ดีๆ เจ้าต้องมารับข้าเป็นนายด้วยล่ะ”
“ก็เพราะข้าเห็นแววของท่าน รู้สึกว่าท่านมีอนาคตไกลน่ะสิ! ท่านรู้สึกเป็นเกียรติมากใช่หรือไม่เล่า จำไว้ว่าท่านจะต้องหวงแหนอาชาเทพผู้โดดเด่นเป็นเลิศเช่นข้าไว้ให้ดีๆ เชียว” ขณะพูดฝูอวิ๋นมีอาการ ‘ปากไม่ตรงกับใจ’ แสดงอยู่บนหน้าอย่างเห็นได้ชัด