ฝูอวิ๋นตอบกลั้วหัวเราะ “ก็ต้องมีแน่อยู่แล้ว นี่คืออาวุธป้องกันตัวที่สำคัญเวลาข้าออกมาข้างนอก หึๆ มีของชิ้นนี้อยู่กับตัว สัตว์อสูรทั่วๆ ไปเห็นข้าแล้วไม่กล้าบุ่มบ่ามโจมตีกันหรอก”
อาวุธป้องกันตัวของฝูอวิ๋นก็คือมุกสีทองที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเม็ดหนึ่งนามว่า ‘มุกรัศมีเทวะ’ ปกติจะถูกเก็บซ่อนอยู่ในรูหูของมัน นอกจากสามารถลอกเลียนพลังอันสูงส่งกล้าแข็งที่ทำให้สัตว์อสูรนึกว่ามันมีฝีมือร้ายกาจมากแล้วก็ไม่มีประโยชน์อื่นอีก
มุกวิเศษนี้ตระกูลสิบแปดมงกุฎเป็นผู้หลอมสร้างขึ้น บุตรหลานสกุลซูรวมถึงอาชาเทพเมื่อจะออกไปข้างนอก ต่างก็พยายามหามุกวิเศษนี้สักเม็ดมาไว้ป้องกันตัว มุกที่อยู่ในมือฝูอวิ๋นเม็ดนี้มีคุณภาพอยู่ในระดับกลางบนเท่านั้น พลังที่แผ่ซ่านออกมาพอจะเทียบเคียงได้กับผู้แข็งแกร่งขั้นเปลี่ยนเส้นลมปราณหรือสัตว์อสูรขั้นสี่ เป็นมรดกประจำตระกูลที่บิดาของฝูอวิ๋นทิ้งไว้ให้มัน
ว่ากันว่าในมือประมุขสกุลซูยังมีมุกรัศมีเทวะที่สามารถลอกเลียนพลังของผู้แข็งแกร่งขั้นทรงฤทธาได้เลยทีเดียว ตอนที่ฝูอวิ๋นเอ่ยถึงสิ่งนี้ มันมีสีหน้าอิจฉาจนปิดไม่มิด
ซูเพียนจื่อพูดอย่างไม่เห็นพ้อง “ก็แค่ของที่เอาไว้หลอกคนเท่านั้น พบเจอยอดฝีมือที่แท้จริงเมื่อไร น่ากลัวว่าจะตายอนาถยิ่งกว่าเดิมสิไม่ว่า”
“ฮึ” ฝูอวิ๋นแค่นเสียงฮึแล้วไม่ส่งเสียงอีก ผ่านไปสักพักจึงค่อยเอ่ยปาก “ท่านพูดถึงหลอกคน ข้าก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ก่อนไปถึงถ้ำพันจิ้งจอก ท่านตัดผมให้สั้นจะเป็นการดีที่สุด พอไปถึงที่นั่นแล้วก็อย่าได้พูดถึงเรื่องที่ตนเองถูกปิดผนึกพรสวรรค์ด้วย” ฝูอวิ๋นเอ่ยอย่างรอบคอบ
“เพราะอะไรล่ะ” ในเมื่อฝูอวิ๋นพูดมาตลอดว่านางคือคุณหนูเจ็ดสกุลซูแห่งถ้ำพันจิ้งจอก แล้วเหตุใดกลับไปถึงบ้านแล้วยังจะต้องหลอกคนอื่นอีก ซูเพียนจื่องุนงง
ฝูอวิ๋นถอนหายใจกล่าว “คุณหนูคุณชายสกุลซูที่ถ้ำพันจิ้งจอกมีอยู่มากมาย ท่านประมุขสูงวัยมากแล้ว อีกไม่ช้าก็ต้องคัดเลือกประมุขคนใหม่ หากท่านดูสะดุดตาเกินไป เกรงว่ายังไม่ทันเสาะพบของวิเศษที่คุณชายทิ้งไว้ ท่านก็อาจถูกผู้อื่นทำร้ายเสียก่อน”
บุญคุณความแค้นในตระกูลใหญ่สินะ ซูเพียนจื่อพลันเข้าใจกระจ่าง แม้ตนเองไม่เคยมีญาติพี่น้อง แต่ในนิยายกับละครทีวีก็มีแสดงให้เห็นอยู่เป็นประจำ เพื่อช่วงชิงทรัพย์สินของตระกูลแล้ว มีทั้งกรณีพ่อลูกแตกคอ พี่น้องงัดข้อ แม่ผัวราวีลูกสะใภ้ รวมไปถึงหมู่สะใภ้ชิงดีชิงเด่นกัน
“ข้าไม่ได้อยากจะเป็นประมุขอะไรนั่นสักหน่อย พวกเขาก็ต่อสู้กันไปสิ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย” ซูเพียนจื่อบ่นงึมงำ เป็นเด็กกำพร้าน่าสงสารมากก็จริง แต่มีวงศาคณาญาติเยอะเกินไปก็ยุ่งวุ่นวายเช่นกัน
ความรู้สึกจนใจอันเข้มข้นผุดวาบขึ้นในดวงตาของฝูอวิ๋น
ชิงหรือไม่ชิงตำแหน่งประมุข เรื่องนี้อยู่ที่ความเต็มใจของท่านเมื่อไรกันเล่า…
“ได้ๆ เจ้าพูดถูกแล้ว ต่อให้ข้าไม่สนใจจะชิงตำแหน่งประมุข ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะไม่มาหาเรื่องข้า ไหนๆ ผมยาวนี่นอกจากใช้หลอกคนแล้ว เก็บไว้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ตัดทิ้งก็ตัดทิ้งสิ”
ซูเพียนจื่อเข้าใจในเจตนาดีของฝูอวิ๋น ผู้อื่นกำลังแย่งชิงตำแหน่งประมุขกันอย่างดุเดือด จู่ๆ ญาติที่ว่ากันว่ามีพรสวรรค์สูงถึงระดับชาวสวรรค์ก็ดันโผล่มาเสียนี่ ต่อให้นางประกาศชัดว่าจะไม่เข้าร่วมแข่งขัน ผู้อื่นย่อมไม่ยอมเชื่อโดยง่าย
หากฝีมือที่นางมีอยู่สอดคล้องกับความยาวของเส้นผมจริงๆ ก็แล้วไปเถอะ ทว่านางในตอนนี้เป็นแค่ขยะที่ถูกปิดผนึกพรสวรรค์อยู่เท่านั้น ผู้อื่นย่อมคิดจะฉวยจังหวะที่ภัยคุกคามชิ้นโตนี้ยังอ่อนแอไร้กำลัง ชิงเค้นคอฆ่านางให้ตายคาเปลไปเสียก่อนเลย
มีเรื่องเพิ่มขึ้นก็ไม่สู้มีเรื่องน้อยลง อย่างไรเสียขอแค่เจอของวิเศษของบิดาก็จะพบร่องรอยของบุพการี จากนั้นก็จะเพิ่มพูนความสามารถของตนเองให้แข็งแกร่งได้ เพียงเท่านี้ซูเพียนจื่อก็พึงพอใจมากแล้ว
จะว่าไป…นางก็ไม่ได้พึงพอใจง่ายสักเท่าไร หึๆ