ซูเพียนจื่อเหม่อมองดอกไม้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเริ่มเค้นสมองทบทวนเนื้อหาเกี่ยวกับบุปผาพฤกษาอัศจรรย์ชนิดต่างๆ ที่ตนเคยได้อ่านจากบรรดาคัมภีร์โบราณของสกุลซู
“ดูจากรูปลักษณ์แล้ว เหมือนว่าจะเป็นดอกซวีหมีกระมัง” ซูเพียนจื่อพึมพำกับตนเอง
ดอกซวีหมีคือบุปผาทิพย์ชนิดหนึ่งซึ่งล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า ‘หนึ่งบุปผาคือหนึ่งโลกหล้า’ ดอกซวีหมีก็ถูกเรียกว่า ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ ซึ่งเกิดขึ้นเองในธรรมชาติ อีกทั้งคุณสมบัติพิเศษบางด้านยังเหนือกว่า ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ ทั่วๆ ไปด้วย
ปกติแล้วใน ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ จะมีพื้นที่ลับซึ่งเก็บรักษาได้แต่สิ่งที่ไร้ชีวิต พืชและสัตว์หากถูกเก็บเข้าไปก็จะตายลงทันที อาหารและน้ำดื่มหากถูกเก็บเข้าไปก็จะเน่าเสียแห้งเหือดไปอย่างรวดเร็ว ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ ของเหล่าผู้ฝึกวิชายุทธ์โดยทั่วไปจึงสามารถเก็บได้แต่วัตถุที่เป็นธาตุทองและธาตุดิน เช่น อาวุธกับทรัพย์สินเงินทอง
ผิดกับดอกซวีหมีที่สามารถเก็บสิ่งของจำพวกโอสถสมุนไพรวิเศษและอาหารน้ำดื่ม โดยที่ยังคงรักษาความสดใหม่ไว้ได้ตลอดไป เพียงแต่พื้นที่ลับในดอกซวีหมีแต่ละดอกมีอยู่จำกัดอย่างยิ่ง ซ้ำบุปผาทิพย์ชนิดนี้ก็ทั้งหายากทั้งไม่อาจเพาะปลูกด้วยฝีมือมนุษย์ ดังนั้นผู้ที่จะนำดอกซวีหมีมาใช้เป็น ‘ของวิเศษเก็บทรัพย์’ จึงมีน้อยแสนน้อย แค่หยิบติดมือออกไปหนึ่งดอกก็สามารถขายบนดินแดนพันเมฆาได้ในราคาที่สูงลิบลิ่วแล้ว
ทว่าดอกซวีหมีที่บรรยายอยู่ในตำรานั้นเป็นสีขาวปลอดทั้งดอก ยามที่บานสะพรั่งก็มีขนาดแค่เท่าอุ้งมือ ผิดกับดอกที่อยู่เบื้องหน้าสายตาดอกนี้ ซึ่งนอกจากสีสันจะเหลือบม่วงแล้วก็ยังมีขนาดใหญ่จนเกินเหตุเกินการ อย่างน้อยๆ ก็ต้องใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าใบย่อมหนึ่งใบ
“ไม่สนแล้ว เด็ดมาก่อนค่อยว่ากัน ต่อให้ไม่ใช่ดอกซวีหมีก็ต้องเป็นของดีแน่ๆ” ซูเพียนจื่อในใจยินดีปรีดายิ่ง การสอบย่อยครั้งนี้ยังได้ผลตอบแทนที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ‘ไม่เข้าถ้ำเสือไหนเลยจะได้ลูกเสือ’ ช่างเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องจริงๆ!
การเก็บดอกซวีหมีนั้นพิถีพิถันเรื่องวิธีการเป็นอย่างมาก ทั้งไม่อาจใช้ของมีคมที่เป็นโลหะไปเฉือนตัดกิ่งดอก ทั้งหลังจากเด็ดดอกมาแล้วก็ห้ามให้ส่วนดอกสัมผัสถูกวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งค่อนข้างนานทีเดียว
ขั้นตอนตามตำราคือต้องเด็ดใบของดอกซวีหมีมาก่อน จากนั้นก็ใช้ใบห่อหุ้มนิ้วมือไว้แล้วค่อยหักกิ่งดอกอย่างระมัดระวัง จับกิ่งดอกค้างไว้ในลักษณะนั้นโดยชูดอกขึ้นจนกว่ากลีบดอกทั้งหมดหุบเข้าเป็นดอกตูมดังเดิมจึงจะนับว่าสำเร็จ
ระหว่างขั้นตอนเหล่านี้ขอเพียงมีสิ่งใดสัมผัสถูกส่วนดอกที่เด็ดมา ดอกซวีหมีก็จะเหี่ยวเฉาและสลายเป็นจุณในทันที
ซูเพียนจื่อค่อยๆ ประชิดเข้าไปใกล้ดอกไม้แล้วมองพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด รวมไปถึงช่องบนเพดานถ้ำซึ่งอยู่สูงจากพื้นหลายสิบฉื่อ กับหินย้อยที่มีน้ำหยาดหยดลงมาเหล่านั้น เพื่อให้แน่ใจได้ว่าอีกสักครู่จะไม่มีสิ่งใดพลันร่วงลงมาก่อปัญหา
นางดีใจอยู่ลึกๆ ที่บนร่างของตนชโลมน้ำสมุนไพรกลิ่นฉุนไว้จนทั่ว อย่างน้อยๆ ก็เป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่มีแมลงมีปีกตัวใดยินดีบินเข้ามาใกล้ตนในระยะสามฉื่อ
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ สามหน รวมทั้งตรวจซ้ำจนแน่ใจว่าข้างกายตนจะไม่มีสิ่งใดมากระทบการเด็ดบุปผา ซูเพียนจื่อจึงค่อยกัดปลายนิ้วกลางข้างซ้ายจนได้แผล แล้วเค้นเลือดหยดลงไปที่ใจกลางของดอกไม้